วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2555

เราควรล้างแอร์บ้านบ่อยครั้งแค่ไหน

มีลูกค้าหลายท่านถามผมว่าควรล้างแอร์บ้านบ่อยครั้งแค่ไหน จึงขอเขียนตอบลงในบทความนี้เลยละกันนะครับ โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีคนบอกว่าต้องล้างแอร์6 เดือน/ครั้ง ซื่งตรงนี้คือการประมาณเท่านั้นครับ การที่เราต้องล้างแอร์บ่อยครั้งแค่ไหนมันไม่ตายตัวหรอกครับมันแล้วแต่ปัจจัย หลายๆอย่างๆด้วย เช่น
บริเวณที่เราอาศัยอยู่นั้นอยู่บริเวณไหน ถ้าอยู่ติดถนนก็จำเป็นต้องล้างบ่อยขึ้นโดยสังเกตได้จากแผงคอยล์ร้อนว่าเริ่ม มีการอุดตันของสิ่งสกปรกรึยัง
และถ้าหากไม่อยู่ติดถนนแต่ใกล้เคียงกับบ้านเรามีการก่อสร้างก็จะทำให้มีสิ่งสกปรกอุดตันเร็วเช่นกัน
ภายในห้องมีการใช้แป้งเยอะหรือไม่ หรือที่นอนเป็นฝุ่นเยอะหรือไม่ ตรงนี้ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ต้องล้างแอร์เร็วขึ้นนะครับ
อีกปัจจัยก็คือเราใช้แอร์ตัวนี้บ่อยครั้งแค่ไหน ถ้าเกิดเปิดใช้ทุกวันก็จะทำให้สิ่งสกปรกอุดตันได้เร็วขึ้น เพราะแอร์มีการดูดอากาศที่มีฝุ่นละอองเข้าไปในตัวแอร์อยู่ตลอดเวลา
ซื่งจากสาเหตุข้างต้นแอร์บางเครื่องจึงควรล้างอย่างน้อย 3 เดือน/ครั้ง เพื่อยืดอายุการใช้งาน ประหยัดไฟ และเพื่อสุขภาพของเราครับ และอีกวิธีนึงที่สามารถช่วยได้เยอะเลยก็คือหมั่นล้างทำความสะอาดแผ่นกรองทุก อาทิตย์ด้วยตนเองครับ

วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555

ข้อแนะนำลูกค้า

ลูกค้าควรเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ กับบริษัทที่ผลิตเครื่องปรับอากาศเป็นเมนหลัก เช่น MITSUBISHI ELECTRIC , MITSUBISHI HEAVY    DUTY , SAIJO DENKI และ DAIKIN เป็นต้น
โดยซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายที่บริษัทแต่งตั้งเท่านั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะช่างแอร์เป็นบุคคลที่สามที่เข้าห้องนอนของลูกค้าได้  โดยที่ลูกค้า
เป็นผู้ยินยอม ดังนั้นการซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายที่บริษัทแต่งตั้ง ลูกค้าจะได้รับผลประโยชน์ดังต่อไปนี้
1.
สบายใจ และไว้วางใจได้มากกว่า
2.
ทีมงานเป็นมืออาชีพ
3.
อุปกรณ์การติดตั้งได้มาตรฐานตามที่บริษัทฯกำหนด
4.
สินค้าใหม่ และมีใบรับประกันคุณภาพแน่นอน
5.
มีบริการหลังการขายตามที่แจ้งไว้
6.
เครื่องปรับอากาศ เสีย ล้าง ย้าย ติดตั้ง เรียกใช้บริการได้
7.
มีระบบเงินผ่อนไว้เพื่อบริการลูกค้า
8.
ยินดีรับบัตรทุกชนิด
9.
ราคาถูกกว่าห้างฯทุกยี่ห้อ (ขอรับประกัน)

วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 คืออะไรคะ ?

เนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ( กฟผ. ) ได้ส่งเสริมให้ประชาชนร่วมใจกันประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าและใช้พลังงาน ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจุดมุ่งหมายในการลดการใช้พลังงานโดยรวมของประเทศจึงได้จัดทำโครงการ ประชาร่วมใจ ประหยัดไฟฟ้า โดยให้ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าผลิตหรือนำเข้าอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ สูง สำหรับเครื่องปรับอากาศซึ่งเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีการเติบโตสูงและใช้พลังงาน ไฟฟ้าสูงสุดทั้งในบ้านพักอาศัยและในภาคธุรกิจ กฟผ. ได้ขอความร่วมมือกับผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศให้เข้าร่วมโครงการเพื่อกำหนด ระดับประสิทธิภาพและพัฒนาเครื่องปรับอากาศ เพื่อติดฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพเบอร์ เพื่อติดฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพตามมาตรฐานสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม ( สมอ. ) โดยสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ( สฟอ. ) เป็นหน่วยงานทดสอบค่าประสิทธิภาพ โดยเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระดับประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศเป็นดังนี้ สนับสนุนข้อมูลโดย เครื่องปรับอากาศ เทรน ประหยัดไฟเบอร์5 หมายถึง ท่านจ่ายค่ากำลังไฟฟ้า 1หน่วย จะได้ความเย็น ไม่น้อยกว่า 10,600 บีทียู(ซึ่งแอร์ปกติโดยทั่วไปท่านจ่ายค่าไฟฟ้า 1 หน่วย จะได้ความเย็น ประมาณ 7,000-8,000 บีทียูเท่านั้น) สอบถามข้อมูล การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ 02-4368290-96(แสดงว่าถ้าใช้แอร์เบอร์ 5 ประหยัดไฟฟ้า ประมาณ 35%) ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 เป็นลักษณะป้ายสีเหลือง และระบุรายละเอียดต่างๆของแอร์ตัวนั้น หากมีข้อสงสัยว่า เครื่องปรับอากาศ ของท่าน ประหยัดไฟฟ้าได้จริงหรือไม่ ถ้าพบยี่ห้อใดผลิตหรือจำหน่ายไม่ตรงกับฉลากที่ระบุไว้ TEL0-24368290-96

วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555

จะซื้อแอร์ติดบ้านต้องพิจารณาอะไรบ้างคะ ?

ข้อแนะนำต่อไปนี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่กำลังตัดสินใจซื้อเครื่อง ปรับอากาศได้ดีขึ้น 1. ควรเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศจากผู้ผลิตและผู้จำหน่ายที่เชื่อถือได้ เพราะแอร์โนเนมส่วนใหญ่จะมีกำลังความเย็น ( BTU ) น้อยกว่า 2. ควรเลือกใช้3. เลือกใช้เครื่องปรับอากาศของผู้ผลิตที่และผู้แทนจำหน่าย มีบริการหลังการขายที่ดี ข้อนี้เป็นข้อที่มีความสำคัญมากเช่นกันผู้ให้บริการนั้นต้องมีความชำนาญ ได้มาตรฐานและเชื่อถือได้ เพราะนั่นหมายถึงผู้ที่จะดูแลเครื่องปรับอากาศของคุณ จะได้ไม่ต้องมาหงุดหงิดกับปัญหาจุกจิกกวนใจภายหลัง ที่แสดงไว้บนฉลากหรือที่ภาษาช่างแอร์เรียกว่า ไม่เต็มบีทียู เครื่องปรับอากาศจากผู้ผลิตโนเนมส่วนใหญ่มีกำลังความเย็นเพียง 70 – 80 % ของที่โฆษณาไว้ นอกจากจะ แอร์โนเนมยังมีเสียงดังแล้วยังเสียเร็วด้วย เครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 หรือเบอร์ 4 และได้มาตรฐานอุตสาหกรรม ( มอก. ) เพราะได้รับการทดสอบความสามารถในการทำความเย็นแล้ว ซึ่งทำให้ท่านแน่ใจได้ว่าจะได้เครื่องปรับอากาศที่ประหยัดไฟฟ้าและมี ประสิทธิภาพเต็มบีทียู นอกจากนี้ควรพิจารณาประกอบกับผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือด้วยเนื่องจากว่า อาจมีผู้ผลิตบางราย ปลอมฉลากเบอร์ 5 ด้วย มีกำลังความเย็นไม่เต็มบีทียูแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555

ส่วนประกอบหลักของการทำความเย็น

เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ในระบบการทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ และเข้าใจส่วนประกอบทั้ง 4 ส่วน คือ Compressor
มีบทบาทสำคัญในการทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ โดยความเย็นจะถูกดูดจากการหมุนเวียนของระบบทำความเย็น
Condenser
เป็นตัวที่แยกออกมา และทำหน้าที่นำความร้อนออกจากระบบทำความเย็น
Evaporator
(
ระบบการระเหย) เป็นตัวดูดซับความร้อนในระบบการทำความเย็น
Tube
เป็นตัวลดความดันของตัวทำความเย็น