วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วิธีเลือกชนิดแอร์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

ในการตัดสินใจเลือกซื้อแอร์นั้นเราจะเลือกแต่ยี่ห้อหรือรุ่นที่เราชอบ อย่างเดียวไม่ได้นะครับ ควรเลือกชนิดของแอร์ให้เหมาะสมกับการใช้งานด้วยครับ โดยผมจะอธิบายคร่าวๆดังนี้
1. ถ้าเป็นห้องนอน เราควรเลือกแอร์แบบติดผนังเพราะมีเสียงเงียบ ความแรงลมพอดีๆทำให้ไม่หนาวมากเวลาที่เราหลับสนิท
2. ถ้าเป็นห้องทำงาน ควรเป็นแอร์แบบแขวนใต้ฝ้าเพดาน เพราะความแรงลมจะสูงกว่าแบบติดผนัง จึงทำให้สามารถทำความเย็นได้เร็ว และแอร์แบบตั้งแขวนจะไม่จำเป็นต้องล้างแอร์บ่อยเหมือนแอร์ติดผนังเพราะมีแผง คอยล์และขนาดมอเตอร์พัดลมขนาดใหญ่จึงไม่อุดตันง่ายๆ
3. ถ้าเป็นร้านอาหาร ห้องทานอาหารขนาดใหญ่ ควรเลือกใช้แอร์แบบตั้งแขวน หรือไม่ก็ตู้ตั้งพื้นไปเลยเพราะ แอร์ชนิดนี้สามารถกระจายความเย็นไปได้ไกลกว่าแอร์ชนิดอื่น
4. ถ้าเป็นออฟฟิทที่มีพื้นที่จำกัด และต้องการความสวยงามในการเดินท่อ ควรใช้แอร์แบบฝังฝ้าเพราะแอร์ชนิดนี้สามารถเก็บงานเดินท่อไว้เหนือ เพดาน(ทั้งท่อน้ำยาและท่อน้ำทิ้ง)
5. ถ้าเป็นห้องเช่าหรือหอพัก ที่อยู่ชั่วคราวก็ควรใช้แอร์แบบเคลื่อนที่ได้เพราะเคลื่อนย้ายง่าย

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วิธีการใช้งานและบำรุงรักษาแอร์เคลื่อนที่

วิธีการใช้งานและบำรุงรักษาแอร์เคลื่อนที่ มีดังนี้
1. ก่อนทำการเลือกบีทียู ของแอร์เคลื่อนที่ ควรสำรวจหม้อไฟของบ้านท่านด้วยว่าใช้ด้วยกันได้หรือเปล่า
2. เวลาเสียบปลั๊กต้องเสียบให้ดี ไม่ให้หลวม และไม่ควรใช้ปลั๊กพ่วงกับเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่น
3. ควรหมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองฝุ่น อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้อากาศหมุนเวียนได้สะดวก
4. ควรต่อท่อลมร้อนออกภายนอกและปิดรูอย่างมิดชิด เพื่อไม่ให้ลมร้อนและลมเย็นมากระทบกัน
5. ในการต่อทอลมร้อนไม่ควรให้ท่อพับ หรือโดนอะไรมาทับ เพื่อให้ลมร้อนระบายได้สะดวก
6. ห้ามต่อความยาวท่อลมร้อนของแอร์เคลื่อนที่ เพราะพัดลมจะมีมีแรงดันพอที่จะระบายลมร้อนออกมาได้
7. ในรุ่นที่ไม่สามารถระเหย หรือปั๊มน้ำทิ้งออกได้เอง ควรหมั่นนำน้ำทิ้งในถาดน้ำทิ้งออกมาเทอย่างสม่ำเสมอ
8. ไม่ควรเปิดใช้แอร์เคลื่อนที่ทั้งวันทั้งคืน
9. เวลาที่แอร์เคลื่อนที่มีปัญหาควรเลือกช่างที่เป็นของผู้ผลิตแอร์เคลื่อนที่ ยี่ห้อนั้นๆมาตรวจเช็ค เพราะช่างแอร์ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรู้ระบบของแอร์เคลื่อนที่ดีพอ

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สัญญาณเมื่อคอมเพรสเซอร์แอร์เริ่มเสื่อมสภาพ

เมื่อคอมเพรสเซอร์แอร์เริ่มจะเสื่อมสภาพ แอร์บ้านที่เราใช้อยู่จะมีสัญญาณดังนี้ครับ
1. แอร์จะมีความเย็นน้อยลง ทั้งๆที่พึ่งจะล้างแอร์เติมน้ำยาไปใหม่ๆ เพราะคอมเพรสเซอร์ไม่มีกำลังในการขับน้ำยาให้หมุนเวียนได้ตามปกติ
2. แอร์จะมีความเย็นน้อยลงกว่าสมัยซื้อมาใหม่ๆ เพราะแอร์ก็เหมือนรถครับใช้ไปนานๆก็ย่อมมีการสึกหรอเหมือนกัน
เมื่อเปิดแอร์ได้สักพักเบรกเกอร์จะเด้งตลอด
ซื่งวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้ ถ้าเป็นคอมเพรสเซอร์แอร์ แบบโรตารี่ควรทำการเปลี่ยนเลยไม่ควรนำมาซ่อมแล้วใช้ใหม่ ซื่งก่อนเปลี่ยนท่านลูกค้าควรพิจารณาด้วยว่าแอร์ที่ท่านใช้เป็นแอร์ขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ เพราะถ้าเป็นแอร์ขนาดเล็กถ้าเปลี่ยนคอมก็อาจจะไม่คุ้มเท่าซื้อใหม่เลย เพราะราคาแอร์ขนาดเล็กในปัจจุบันมีราคาที่ถูกมาก เหลือเพียงหมื่นต้นๆเท่านั้นเอง

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อุปกรณ์ป้องกันคอมเพรสเซอร์แอร์

การที่คอมเพรสเซอร์จะเสียหายนั้น มาได้จากหลายสาเหตุ
เช่น ฟ้าผ่า  คอมเกิดอาการ lock rotor  กรณีของฟ้าผ่านั้น
เราอาจป้องกันได้โดยติดตั้งสายดิน แต่ในที่นี้เราจะพูดถึงการ
ป้องกันไม่ให้คอมเกิดอาการ lock rotor โดยใช้อุปกรณ์ช่วย
ซึ่งก่อนที่คอมจะเกิดการ lock rotor นั้น โดยปกติแล้วที่ตัว
คอมเพรสเซอร์จะมี 2 ท่อ  คือ ท่อดูด ( suction)  และท่ออัด
(liquid)  โดยที่ท่ออัดจะมีแรงดันน้ำยาประมาณ 350 psig
ซึ่งอยู่ในสถานะแก็สก่อนที่จะเข้าแผงคอนเดนเซอร์ หรือแผง
คอยล์ร้อน ซึ่งเมื่อผ่านแผงคอยล์ร้อนแล้วแรงดันต้องอยู่ไม่เกิน
300 psig แต่ถ้าจะให้ดีไม่ควรเกิน 250 psig  ซึ่งตอนนี้น้ำยา
จะเปลี่ยนไปอยู่ในสถานะของเหลวแล้ว   และจะเคลื่อนตัวผ่าน
ตัวฉีดน้ำยา (capilary tube)  หรือตัวลดแรงดันน้ำยา  ผ่าน
แผงคอยล์เย็น (evaporator) นำความเย็นให้สู่ห้องของเรา
กลับเข้าสู่คอมเพรสเซอร์ทางท่อดูด  ซึ่งตอนนี้แรงดันน้ำยาจะ
อยู่ที่ 65 -78 psig แล้วแต่อุณหภูมิห้อง และขนาดรูของตัวฉีด
น้ำยา ซึ่งพอกลับเข้าสู่คอมเพรสเซอร์ทางท่อดูดแล้ว  ก็จะผ่าน
ถังพักน้ำยาหรือ accumurator ซึ่งจะเอาแต่น้ำยาซึ่งอยู่ใน
สถานะแก็ส ไปให้คอมเพรสเซอร์อัดมาเป็น hot gas ทางท่อ
อัดอีกที เป็นการครบวัฏจักรการทำงาน  ซึ่งการที่คอมจะเสีย
นั้น มาจากแรงดันที่ผ่านแผงคอยล์ร้อนแล้วสูงเกิน 350 เป็น
เวลานาน อาจจะ 6 เดือน หรือ 1ปี ซึ่งสาเหตุที่ทำให้แรงดันสูง
เกิน350 psig มาจาก  แผงคอยล์ร้อนสกปรก  ตัวฉีดน้ำยา
อาจจะฝืดเนื่องจากมีน้ำมันไปเกาะ  พัดลมคอยล์ร้อนรอบตก
เพราะฉะนั้นเราจึงมีอุปกรณ์ป้องกันตัวนี้ออกมา ซึ่งเรียกว่า
ไฮ เพรสเชอร์(high pressure) ซึ่งอุปกรณ์ตัวนี้หลักการทำ
งานคือ เมื่อแรงดันน้ำยาเราสูงเกิน 320 psig มันจะตัดการทำ
งานของคอมเพรสเซอร์ออก ซึ่งจะเป็นการเตือนเราล่วงหน้าว่า
เกิดการผิดปกติของระบบ  ซึ่งเราจะสามารถแก้ไขได้ทันก่อน
ที่คอมเพรสเซอร์จะเสียหาย  และอีกตัวนึงคือ โล เพรสเชอร์
(low pressure) หลักการทำงานของตัวนี้คือเมื่อน้ำยาทางด้าน
ดูดน้อยกว่า 35 psig ซึ่งปกติควรอยู่ที่ 65 -78  มันจะตัดการ
ทำงานของคอมเพรสเซอร์ออกเหมือนกัน  ซึ่งเราจะสามารถ
แก้ไขได้ทันก่อน ที่คอมเพรสเซอร์จะเสียหาย

วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

แอร์ ถาดน้ำทิ้ง กลิ่น

สาเหตุและวิธีแก้ไขอาการแอร์มีกลิ่นอับชื้น
สาเหตุและวิธีแก้ไขอาการแอร์มีกลิ่นอับชื้น
1. เปิดแอร์ทิ้งไว้นานๆแล้วก็ปิดแอร์ทันทีที่เลิกใช้เลย ทำให้เกิดความชื้นภายในตัวแอร์ วิธีแก้ไขคือให้ตั้งระบบการทำงานของแอร์เป็นโหมดลดความชื้น หรือโหมดพัดลมซัก 10-20 นาที และหลังจากปิดแอร์ยังไม่ควรรีบเปิดหน้าต่าง ควรรอสักพักก่อน
2. มีน้ำทิ้งค้างอยู่ในถาดน้ำทิ้ง จนมีเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราสะสมอยู่ในถาดน้ำทิ้งและคอยล์เย็น วิธีการแก้ไขคือ ต้องล้างแอร์โดยปั๊มน้ำแรงดันสูงให้สะอาด และตรวจสอบการติดตั้งแอร์ และการเดินท่อน้ำทิ้งแอร์ไม่ให้เกิดน้ำทิ้งขังอีก
3. มีการเดินท่อน้ำทิ้งลงท่อระบายน้ำ ทำให้มีกลิ่นเหม็อนผ่านท่อขึ้นมาในห้อง วิธีแก้ไขคือต้องย้ายท่อน้ำทิ้งไปลงที่อื่นที่ไม่ให้ลงท่อระบายน้ำโดยตรง หรือทำ Trap ที่น้ำทิ้ง
4.มีการทำอาหาร หรือการสูบบุหรี่ภายในห้องแอร์ วิธีแก้ไขก็คือให้ทำการล้างแอร์ครับ