วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

โทรทัศน์

ประเภทของเครื่องรับโทรทัศน์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ โทรทัศน์ขาวดำ และโทรทัศน์สีซึ่งมี 2 ชนิด คือ ชนิดที่มีรีโมทคอนโทรล กับไม่มีรีโมทคอนโทรล โดยทั่วไปโทรทัศน์สีจะกินไฟมากกว่าโทรทัศน์ขาวดำประมาณ 1 - 3 เท่า และโทรทัศน์สีที่มีรีโมทคอนโทรล จะกินไฟมากกว่าโทรทัศน์สีที่ไม่มีรีโมทคอนโทรลที่มีขนาดเดียวกัน เพราะมีวงจรเพิ่มเติม และกินไฟตลอดเวลาถึงแม้จะไม่ใช้เครื่อง รีโมทคอนโทรลก็ตาม โทรทัศน์ขนาดใหญ่ก็จะกินไฟมากกว่าขนาดเล็ก

วิธีใช้เครื่องรับโทรทัศน์ให้ ประหยัดพลังงาน คือ
1. ควรเลือกดูรายการเดียวกัน
2. ปิดเมื่อไม่มีคนดู
3. ถอดปลั๊กเมื่อไม่ได้ใช้งาน นอกจากจะกินไฟแล้วโทรทัศน์จะชำรุดได้ง่ายด้วย
4. ถ้าผู้ใช้นอนหลับหน้าโทรทัศน์บ่อย ๆ ควรติดสวิตซ์ตั้งเวลาเพิ่ม

คำแนะนำด้านความปลอดภัยในการใช้ โทรทัศน์
1.ควร ติดตั้งเสาอากาศให้ มั่นคงแข็งแรง แล้วยึดด้วยลวดไม่ต่ำกว่า 3 จุด เพื่อป้องกันไม่ให้เสาล้ม ไม่ควรติดตั้งเสาอากาศทีวีให้สูงเกินความจำเป็น เพื่อหลีกเลี่ยงฟ้าผ่าลงที่เสา นอกจากนี้ควรให้เสาห่างจากแนวสายไฟฟ้าแรงสูงเพื่อป้องกันไม่ให้เสาล้มพาดสายแรงสูงและ เกิดอันตรายได้
2.อย่าเปิดเครื่องรับ โทรทัศน์ในขณะที่ตัวเปียกชื้น และไม่ควรจับเสาอากาศโทรทัศน์ด้วย
3.ให้ปิดโทรทัศน์ ถอดปลั๊กไฟและขั้วสายอากาศออกในขณะที่มีฝนฟ้าคะนอง เพื่อป้องกันโทรทัศน์ชำรุด
4.อย่าดูโทรทัศน์ใกล้เกิน ไปจะทำให้สายตาเสีย หรือได้รับรังสีและคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้ามากเกินไป

5.วางโทรทัศน์ในที่ ๆ มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
6.อย่าถอดซ่อมด้วยตัวเอง เนื่องจากภายในมีระบบไฟฟ้าแรงสูงอยู่ด้วย
7.ดูข้อควรปฏิบัติในการใช้ ไฟฟ้าหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัย

วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

คำแนะนำด้านความปลอดภัยในการใช้ไฟฟ้าแสงสว่าง

คำแนะนำด้านความปลอดภัยในการใช้ไฟฟ้าแสงสว่าง
1.เมื่อจะเปลี่ยนหลอดควร ดับหรือปลดวงจรไฟฟ้าแสงสว่างนั้น
2.สังเกตบัลลาสต์ว่ามี กลิ่นเหม็นไหม้ หรือรอยเขม่าหรือไม่
3.ถ้า เป็นหลอดฟลูออเรส เซนต์ไม่ควรปล่อยให้ไฟกระพริบอยู่เสมอ หรือหัวหลอดแดงโดยไม่สว่าง เพราะอาจเกิดอัคคีภัยได้
4.ขั้วหลอดต้องแน่นและไม่ มีรอยไหม้ที่พลาสติกขาหลอด
5.ไม่นำวัสดุที่ติดไฟง่าย เช่น ผ้า กระดาษ ปิดคลุมหลอดไฟฟ้า
6.ถ้า หลอดขาดหรือชำรุดบ่อย ให้ตรวจสอบแรงดันไฟฟ้าว่าสูงผิดปกติหรือไม่ ถ้าพบผิดปกติให้รีบแจ้งการไฟฟ้านครหลวงทันที
7.ถ้าโคมไฟเป็นโลหะและอยู่ ในระยะที่จับต้องได้ควรติดตั้งสายดินด้วย มิฉะนั้นจะต้องเป็นประเภทฉนวน 2 ชั้น

8.หลอดไฟที่ขาดแล้วควรใส่ ไว้ตามเดิมจนกว่าจะเปลี่ยนหลอดใหม่
9.หลอด ไฟขนาดเล็กที่ใช้ให้ แสงสว่างตามทางเดินตลอดคืนซึ่งใช้เสียบกับเต้ารับนั้น อาจมีปัญหาเสียบไม่แน่นจนเกิดความร้อนและไฟไหม้ได้ นอกจากนี้วัสดุที่ใช้มักมีคุณภาพต่ำ ไม่ทนทานต่อความร้อน จึงไม่แนะนำให้ใช้ หรือเสียบทิ้งไว้โดยไม่มีผู้คนดูแลอยู่ใกล้
10.ดูข้อควรปฏิบัติในการ ใช้ไฟฟ้าหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัย

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ประโยชน์ของบัลลาสต์ประหยัดไฟฟ้า

- บัลลาสต์ธรรมดากินไฟ ประมาณ 10-12 วัตต์ บัลลาสต์ประหยัดไฟกินไฟประมาณ 3-6 วัตต์
- บัลลาสต์ธรรมดามีประสิทธิผลการส่องสว่าง 95–110% บัลลาสต์ประหยัดไฟมีค่าประสิทธิผลการส่องสว่าง 95–150%
- การใช้บัลลาสต์ประหยัดไฟช่วยให้เกิดความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีอุณหภูมิขณะทำงานไม่เกิน 75 องศาเซลเซียส ในขณะที่บัลลาสต์ธรรมดามีความร้อนจากขดลวดและแกนเหล็กถึง 110 – 120 องศาเซลเซียส
- บัลลาสต์ประหยัดไฟมีอายุการใช้งานมากกว่าแบบธรรมดา 1 เท่าตัว แม้ราคาจะสูงกว่าบัลลาสต์แบบธรรมดา

วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ไฟฟ้าแสงสว่าง

ข้อแนะนำการใช้งาน
1. ใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์แทนหลอดไส้
หลอด ฟลูออเรสเซนต์ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "หลอดนีออน" ลักษณะเป็นหลอดยาวมีขนาด 18 วัตต์ และ 36 วัตต์ หรือชนิดขดเป็นวงกลมมีขนาด 32 วัตต์ (หลอดชนิดนี้จะให้แสงสว่างมากกว่าหลอดไส้ประมาณ 4 - 5 เท่า ถ้าใช้ปริมาณไฟฟ้าขนาดเท่ากัน อายุการใช้งานของหลอดฟลูออเรสเซนต์จะนานกว่าหลอดไส้ประมาณ 7 เท่า)
2. หลอดฟลูออเรสเซนต์ชนิดพิเศษ (หลอดซุปเปอร์)
เป็น หลอดที่กินไฟเท่ากับ หลอดผอมแต่ให้กำลังส่องสว่างมากกว่าหลอดทั่ว ๆ ไป เช่น หลอดผอมธรรมดาขนาด 36 วัตต์ จะให้ความสว่างประมาณ 2,600 ลูเมน (Im) แต่ หลอดซุปเปอร์ให้ความสว่างถึง 3,300 ลูเมน (Im) ซึ่งจะทำให้สามารถลดจำนวนหลอดที่ ใช้ลงได้

3. หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ (หลอดตะเกียบ)
หมายถึง หลอดฟลูออเรสเซนต์ขนาดเล็กที่ได้มีการพัฒนาเพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงาน โดยใช้แทนหลอดไส้ได้ มีอายุการใช้งานมากกว่าหลอดไส้ 8-10 เท่า และใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าหลอดไส้ โดยจะประหยัดไฟได้ 75-80% (เนื่องจากอายุของหลอดขึ้นอยู่กับสภาพการติดตั้ง เช่น การระบายความร้อนและแรงดันไฟฟ้าด้วย) ปัจจุบันมี 2 ประเภท คือ
3.1หลอด คอมแพคบัลลาสต์ภายใน ที่เรียกว่าหลอดประหยัดไฟ เป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่ย่อขนาดลง มีบัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์รวมอยู่ภายในหลอด สามารถนำไปใช้แทนหลอดไส้ชนิดหลอดเกลียวได้ทันทีโดยไม่ต้องเพิ่มอุปกรณ์ใด ๆ มีอยู่หลายขนาด คือ 9 W, 11W, 13 W, 15 W, 18 W, 20 W ตัวอย่างเปรียบเทียบกับหลอดไส้ธรรมดา เป็นดังนี้

3.2 หลอดคอมแพคบัลลาสต์ภายนอก หลักการใช้งานเช่นเดียวกับหลอดคอมแพคบัลลาสต์ภายใน แต่หลอดคอมแพคบัลลาสต์ภายนอกสามารถ เปลี่ยนหลอดได้ง่าย เมื่อหลอดชำรุด ตัวหลอดมีลักษณะงอโค้งเป็นรูปตัวยู (U) ภายในขั้วของหลอดจะมีสตาร์ทเตอร์อยู่ภายใน และมีบัลลาสต์อยู่ภายนอกมีหลายขนาด คือ 

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

การคิดค่ากระแสไฟฟ้า

ตัวอย่าง การคิดค่าไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยประเภท 1.2 สมมุติในเดือนมกราคม 2546 ผู้ใช้ไฟฟ้าใช้ไฟฟ้า 500 หน่วย
1. ค่าไฟฟ้าฐาน
1.1 ค่าพลังงานไฟฟ้า

150 หน่วยแรก 150 x 1.8047
เป็นเงิน
  270.705
บาท

250 หน่วยต่อไป 250 x 2.7781
เป็นเงิน
  694.525
บาท

เกิน 400 หน่วยต่อไป (500 – 400) x 2.9780
เป็นเงิน
  297.80
บาท

รวมค่าไฟฟ้าฐาน
เป็นเงิน
1,303.93
บาท

Ft ที่เรียกเก็บเพิ่มจากค่าไฟฟ้าฐานประจำเดือนมกราคม 2546 = 21.95 สตางค์ต่อหน่วย
2. ค่าไฟฟ้าผันแปร = 500 x (21.95/100)
เป็นเงิน
    109.75
บาท

รวมค่าไฟฟ้าฐานและค่าไฟฟ้าผันแปร
เป็นเงิน
  1,413.68
บาท
3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม ร้อยละ 7
เป็นเงิน
       98.95
บาท

รวมค่าไฟฟ้าทั้งสิ้น  
เป็นเงิน
 1,512.63
บาท

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

พลาสม่าคลัสเตอร์กับการฆ่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 (ตอนที่ 2)

สถานการณ์ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
ได้พบผู้ป่วยที่ต้องสงสัยเพิ่มเป็น 1900 คนในเม็กซิโก และพบว่าตาย 156 คน  โดยมีการยืนยันว่ามีคนติดเชื้อนี้แล้วรวม 7 ประเทศ ใน 2 ทวีป ในอเมริกามีผู้ต้องสงสัย 68 คน องค์การอนามัยโลกได้ประกาศเลื่อนระดับความรุนแรง จากระดับ 4 เป็น 5 (ทั้งหมดมี 6 ระดับ) เมื่อวันที่ 28 เมษายน ที่ผ่านมา โดยระดับ 5 จะมีการติดเชื้อมากกว่า 2 ประเทศ และเชื้อมีการแพร่ในระดับชุมชน ประเทศสุดท้ายที่พบคืออิสราเอล เป็นประเทศแรกในทวีปเอเชีย
มาตรการในการป้องกัน
  1. ได้มีการสแกนอุณหภูมิร่างกายแก่ผู้เดินทางเข้าประเทศทุกราย โดยผู้ที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 37 องศาเซลเซียส จะได้รับการตรวจซ้ำและแนะนำให้ติดต่อแพทย์ หากมีอาการภายใน 14 วัน
  2. วัคซีนที่ใช้ป้องกัน คาดว่าจะผลิตขึ้นได้ใน 6 เดือนข้างหน้า
มาตรการในการรักษา
ทางองค์การเภสัชกรรม GPO ได้เพิ่มกำลังการผลิตยาต้านไวรัสขึ้น สำหรับการใช้กับคนจำนวน 400,000 คน คาดว่าน่าจะพร้อมในเดือนมิถุนายน
บทบาทของพลาสม่าคลัสเตอร์
จะ เห็นว่ามาตรการป้องกันไม่ได้ให้ความมั่นใจในการลดความเสี่ยงการติดต่อ หากมีการระบาดในกลุ่มชนจำนวนมาก เป็นเพียงสิ่งที่สามารถทำได้โดยไม่มีทางเลือก  ระบบพลาสม่าคลัสเตอร์จึงเข้ามาลดความเสี่ยงโดยการพ่นทำลายเชื้อไวรัสในหลากหลายสายพันธ์ได้ โดยเฉพาะ H1N1 เอง ก็ได้มี พิสูจน์มาแล้วจากสถาบัน Kitasato , Shianghai University และ Seoul University ว่าพลาสม่าคลัสเตอร์สามารถทำลายเชื้อไวรัส H1N1 ได้  นอกเหนือจากการทดสอบแล้วว่า พลาสม่าคลัสเตอร์ สามารถฆ่าเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 ได้ถึง 99.9% โดย ดร.จอห์น อ็อกฟอร์ด แห่งมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ อีกทั้งการพิสูจน์ว่าสามารถฆ่าเชื้อไวรัสไข้หวัดแดด ไข้หวัดใหญ่ จากสถาบันวิจัยนานาชาติอื่นๆ 
ระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ มีติดตั้งใน เครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ (รุ่นใหม่เป็นพลาสม่าคลัสเตอร์แบบเข้มข้น) เครื่องพ่นอนุภาคไฟฟ้า (แบบเข้มข้นสุดๆ)