ระบบเครื่องปรับอากาศสมัยใหม่ โดยทำขึ้นเพื่อใช้ในงานอุตสาหกรรมการพิมพ์
เพื่อคุมอุณหภูมิและความชื้นภายในอาคาร ภายนอกอาคาร
สารทำความเย็น
1. Chlorofluorocarbon (CFC),
2. Hydrogenated CFC (HCFC)
3. Hydrofluorocarbon (HFC)
A number indicating molecular composition
R 11 R 12 R 22 R 134A
R-11, R-12, R-22, R-20
ประเภทของระบบทำความเย็น โดยการแบ่งตาม fluid ใช้ใน
การถ่ายเทความร้อนจากห้องไปสู่เครื่องทำความเย็น
Rooms Refrigeration machine
1. Direct refrigerant สารทำความเย็น
2. All-air อากาศเป็นตัวกลาง
24
3. All-water น้ำเป็นตัวกลาง
4. Combination air-water แบบผสม
13
1. Direct Refrigerant Systems
ระบบที่ง่ายที่สุด
เหมาะสมกับการทำความเย็นให้กับพื้นที่
เล็กถึงกลาง ที่ต้องการเครื่องปรับอากาศที่
ทำงานอยู่ในพื้นที่
2. All-Air System
การทำความเย็นในระบบนี้อากาศจะถูกเป่ าผ่าน evaporator coil ที่มี
ความเย็นและถูกส่งต่อโดยผ่านทางท่อ (Duct) เพื่อไปยังห้องทีี่ต้องการความ
เย็น
การออกแบบต้องมีการเผื่อพื้นที่สำหรับงานเดินท่อจ่ายลม
วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ระบบปรับอากาศ ตอนที่ 1
ระบบปรับอากาศ
ผศ. ดร. ยิ่งสวัสดิ์ ไชยะกุล
วิชา Environmental Control I
19 ส.ค. 2551
ปัจจัยของขนาดของเครื่องปรับอากาศ
1. ขนาดห้อง: กว้างxยาวxสูง เมตร
2. ประเภทห้อง:
• ห้องนอน
• ห้องรับแขก
• ห้องทำงาน
3. ปริมาณแสงแดด:
ไม่โดนแดด
โดนแดด
BTU
British Thermal Unit
1 BTU คือ ปริมาณความร้อนที่เพิ่มอุณหภูมิของนำ้ 1 ปอนด์
(0.45 กิโลกรัม) ขึน้ 1 องศาฟาเรนไฮต์ (0.56 องศาเซลเซียส) ในเวลา 1 ชั่วโมง
A BTU is defined as the amount of heat required to raise the temperatureof one pound of liquid water by one degree Fahrenheit.
เครื่องปรับอากาศ มีขนาดเป็นบีทียูต่อชั่วโมง (Btu/hr.)
(แต่ส่วนใหญ่คนทั่วไปจะเรียกสัน้ ๆ ว่าบีทียู)
+ หน่วย 12,000 บีทียู/ชั่วโมง มักจะเรียกว่า 1 ตันทำาความเย็น ซึ่งจะ
หมายถึงว่าปริมาณความร้อนที่สามารถละลายนำ้ แข็งหนัก 1 ตันให้ละลายเป็น
นำ้ ได้หมดในเวลา 1 ชั่วโมง
+ โดยทั่วไป ในเนือ้ ที่ 1 ตารางฟต ดึงความร้อนออกประมาณ 30 บีทียู ดังนัน้ เนือ้ ที่ประมาณ 2000 ตารางฟุต (185.5 ตารางเมตร) ต้องใช้เครื่องปรับอากาศขนาด 60,000 บีทียู หรือขนาด 5 ตันทำความ
เย็น อย่างไรก็ตามเป็นการคำนวณคร่าว ๆ เพราะจะต้องรวมของที่อยู่ในห้อง จำนวนคน เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
1 watt is approximately 3.413 BTU/h
1000 BTU/h is approximately 293 W
1 horsepower is approximately 2,544 BTU/h
1 "ton of cooling", a common unit in North American refrigeration and
air conditioning applications, is 12,000 BTU/h. It is the amount of power
needed to melt one short ton of ice in 24 hours, and is approximately 3.51 kW.
ผศ. ดร. ยิ่งสวัสดิ์ ไชยะกุล
วิชา Environmental Control I
19 ส.ค. 2551
ปัจจัยของขนาดของเครื่องปรับอากาศ
1. ขนาดห้อง: กว้างxยาวxสูง เมตร
2. ประเภทห้อง:
• ห้องนอน
• ห้องรับแขก
• ห้องทำงาน
3. ปริมาณแสงแดด:
ไม่โดนแดด
โดนแดด
BTU
British Thermal Unit
1 BTU คือ ปริมาณความร้อนที่เพิ่มอุณหภูมิของนำ้ 1 ปอนด์
(0.45 กิโลกรัม) ขึน้ 1 องศาฟาเรนไฮต์ (0.56 องศาเซลเซียส) ในเวลา 1 ชั่วโมง
A BTU is defined as the amount of heat required to raise the temperatureof one pound of liquid water by one degree Fahrenheit.
เครื่องปรับอากาศ มีขนาดเป็นบีทียูต่อชั่วโมง (Btu/hr.)
(แต่ส่วนใหญ่คนทั่วไปจะเรียกสัน้ ๆ ว่าบีทียู)
+ หน่วย 12,000 บีทียู/ชั่วโมง มักจะเรียกว่า 1 ตันทำาความเย็น ซึ่งจะ
หมายถึงว่าปริมาณความร้อนที่สามารถละลายนำ้ แข็งหนัก 1 ตันให้ละลายเป็น
นำ้ ได้หมดในเวลา 1 ชั่วโมง
+ โดยทั่วไป ในเนือ้ ที่ 1 ตารางฟต ดึงความร้อนออกประมาณ 30 บีทียู ดังนัน้ เนือ้ ที่ประมาณ 2000 ตารางฟุต (185.5 ตารางเมตร) ต้องใช้เครื่องปรับอากาศขนาด 60,000 บีทียู หรือขนาด 5 ตันทำความ
เย็น อย่างไรก็ตามเป็นการคำนวณคร่าว ๆ เพราะจะต้องรวมของที่อยู่ในห้อง จำนวนคน เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
1 watt is approximately 3.413 BTU/h
1000 BTU/h is approximately 293 W
1 horsepower is approximately 2,544 BTU/h
1 "ton of cooling", a common unit in North American refrigeration and
air conditioning applications, is 12,000 BTU/h. It is the amount of power
needed to melt one short ton of ice in 24 hours, and is approximately 3.51 kW.
เรื่องของแอร์ จะเชื่อถือใครก็ว่ากัน
เรื่องของแอร์ จะเชื่อถือใครก็ว่ากัน
จากที่เว็บไซต์ซึ่งเผยแพร่ในเรื่องของวิธีการถนอมแอร์ ที่บอกว่าก่อนติดเครื่อง ปิดแอร์ เมื่อเครื่องติดแล้วค่อยเปิดแอร์ทีหลัง และเวลาเปิดแอร์ให้ปิดน้ำยาไว้ก่อน ให้ลมเป่ารังผึ้งให้แห้ง ๆและเช่นเดียวกัน เวลาจะกลับถึงบ้าน 1-2 กิโลให้ปิดน้ำยาแอร์ แล้วเร่งพัดลมเพื่อให้ลมเป่ารังผึ้งให้แห้ง แอร์จะทนเพราะไม่มีน้ำจับเกาะ แอร์จะได้ไม่เหม็นอับชื้นทั้งหมดนี้มีทั้งผู้ที่เชื่อและไม่เชื่อต่างก็ถกเถียงกันด้วยความขัดแย้ง
จากผู้รู้ในเรื่องแอร์ยุคใหม่ มิใช่ยุคเก่า ๆ เป็นวิศวกรของโรงงานผลิตแอร์ยี่ห้อดัง ได้ชี้แจงว่า แอร์ยุคใหม่เปิดน้ำยาเอาไว้เลย ชอบจูนอุณหภูมิแบบไหนตามใจชอบ ไม่ต้องปิดและไม่ต้องเปิด ผู้ใช้มีหน้า
ที่ติดเครื่อง แล้วแอร์จะทำหน้าที่เองโดยอัตโนมัติและในเหตุผลในวิธีที่จะถนอมแอร์อย่างที่บอกข้างต้น เขาบอกเลยว่าเท่ากับไปเร่งให้รังผึ้งผุเร็ว และทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย คือถ้าเราปิดน้ำยา น้ำยาจะหยุดแต่ลมไม่หยุด ยังคงเป่าอยู่ ทำให้รังผึ้งแห้งแบบหมาด ๆ เท่านั้น และพอหมาด ๆเวลารถมาจอดนิ่ง ๆ คอยล์เย็นที่ไม่มีน้ำยาไหลผ่านก็จะคงเย็นอยู่เล็กน้อยความเย็นเหล่านั้นจะทำให้คอยล์เย็นดูดเอาไอน้ำภายนอกมาจับเกาะแล้วก็เปียกเหมือนเดิม ผลออกมาจะเกิดเชื้อราได้ง่ายกว่า แต่ถ้าเราปล่อยแบบธรรมชาติ น้ำที่รังผึ้งจะชะล้างคราบฝุ่นผงที่จับเกาะเพราะเราดับเครื่องความเย็นยังเหลือเยอะหยดน้ำก็จะหยดชะล้าง น้ำจะไปท่วมขังในถาดรองน้ำ น้ำในถาดต้องมีตกค้างอยู่บ้างจะไม่ไหลออกทั้งหมด ก็เพื่อให้ได้รองรับฝุ่นผงเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเหตุผลนี้เองที่ผมต้องนำมาเขียน ผมต้องเชื่อผู้ผลิต อายุแอร์ขึ้นอยู่กับคนใช้ที่สกปรกหรือสะอาดไม่ใช่จะไปยุ่งยากในวิธีใช้ เขาสร้างมาให้
จากที่เว็บไซต์ซึ่งเผยแพร่ในเรื่องของวิธีการถนอมแอร์ ที่บอกว่าก่อนติดเครื่อง ปิดแอร์ เมื่อเครื่องติดแล้วค่อยเปิดแอร์ทีหลัง และเวลาเปิดแอร์ให้ปิดน้ำยาไว้ก่อน ให้ลมเป่ารังผึ้งให้แห้ง ๆและเช่นเดียวกัน เวลาจะกลับถึงบ้าน 1-2 กิโลให้ปิดน้ำยาแอร์ แล้วเร่งพัดลมเพื่อให้ลมเป่ารังผึ้งให้แห้ง แอร์จะทนเพราะไม่มีน้ำจับเกาะ แอร์จะได้ไม่เหม็นอับชื้นทั้งหมดนี้มีทั้งผู้ที่เชื่อและไม่เชื่อต่างก็ถกเถียงกันด้วยความขัดแย้ง
จากผู้รู้ในเรื่องแอร์ยุคใหม่ มิใช่ยุคเก่า ๆ เป็นวิศวกรของโรงงานผลิตแอร์ยี่ห้อดัง ได้ชี้แจงว่า แอร์ยุคใหม่เปิดน้ำยาเอาไว้เลย ชอบจูนอุณหภูมิแบบไหนตามใจชอบ ไม่ต้องปิดและไม่ต้องเปิด ผู้ใช้มีหน้า
ที่ติดเครื่อง แล้วแอร์จะทำหน้าที่เองโดยอัตโนมัติและในเหตุผลในวิธีที่จะถนอมแอร์อย่างที่บอกข้างต้น เขาบอกเลยว่าเท่ากับไปเร่งให้รังผึ้งผุเร็ว และทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย คือถ้าเราปิดน้ำยา น้ำยาจะหยุดแต่ลมไม่หยุด ยังคงเป่าอยู่ ทำให้รังผึ้งแห้งแบบหมาด ๆ เท่านั้น และพอหมาด ๆเวลารถมาจอดนิ่ง ๆ คอยล์เย็นที่ไม่มีน้ำยาไหลผ่านก็จะคงเย็นอยู่เล็กน้อยความเย็นเหล่านั้นจะทำให้คอยล์เย็นดูดเอาไอน้ำภายนอกมาจับเกาะแล้วก็เปียกเหมือนเดิม ผลออกมาจะเกิดเชื้อราได้ง่ายกว่า แต่ถ้าเราปล่อยแบบธรรมชาติ น้ำที่รังผึ้งจะชะล้างคราบฝุ่นผงที่จับเกาะเพราะเราดับเครื่องความเย็นยังเหลือเยอะหยดน้ำก็จะหยดชะล้าง น้ำจะไปท่วมขังในถาดรองน้ำ น้ำในถาดต้องมีตกค้างอยู่บ้างจะไม่ไหลออกทั้งหมด ก็เพื่อให้ได้รองรับฝุ่นผงเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเหตุผลนี้เองที่ผมต้องนำมาเขียน ผมต้องเชื่อผู้ผลิต อายุแอร์ขึ้นอยู่กับคนใช้ที่สกปรกหรือสะอาดไม่ใช่จะไปยุ่งยากในวิธีใช้ เขาสร้างมาให้
วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554
11 วิธีประหยัดค่าแอร์โดยไม่ต้องลงทุน (3)
8. งดสูบบุหรี่ในห้องปรับอากาศ
เมื่อมีการสูบบุหรี่ในห้องปรับอากาศก็จะต้องเปิดพัดลมระบายอากาศ เพื่อระบายควันและกลิ่นออกจากห้องการระบายอากาศส่วนหนึ่งออกจากห้อง ก็จะทำให้มีอากาศจากภายนอกใหลเข้ามาในห้องทดแทนซึ่งจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้น หากงดสูบบุหรี่ในห้องปรับอากาศก็ไม่จำเป็นต้องเปิดพัดลมระบายอากาศหรือเปิดเพียงช่วงสั้นๆ ก็เพียงพอซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานได้ นอกจากนี้ การงดสูบบุหรี่ในห้องปรับอากาศ ยังลดปริมาณฝุ่น
ละอองในอากาศ จึงทำให้มีฝุ่นละอองไปจับที่คอยล์น้อยเครื่องปรับอากาศ จึงมีประสิทธิภาพสูงอยู่เสมอ และช่วยยืดระยะเวลาการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศไปได้
9. สวมเสื้อผ้าบางๆ
การสวมเสื้อผ้าบางๆ จะช่วยให้ร่างกายระบายความร้อนได้ดีขึ้น จึงสามารถตั้งอุณหภูมิให้สูงขึ้นได้ทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น ดั้งนั้น จึงควรรณรงค์ให้ผู้ที่ทำงานในห้องปรับอากาศหันมาใส่เสื่อผ้าบางๆ ไม่ควรใส่สูทเพื่อที่จะตั้งอุณหภูมิให้สูงขึ้นได้
10. ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท
หากปิดประตูหรือหน้าต่างไม่สนิท จะทำให้มีอากาศร้อนชื้นจากภายนอกรั่วใหลเข้าไปในห้องได้ซึ่งจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้น และสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น มาตรการนี้ดูจะเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ไม่น่าจะต้องกล่าวถึงอีกแต่กลับเป็นปัญหาที่พบบ่อย และละเลยกันมากที่สุด นอกจากการปิดประตูหน้าต่างไม่สนิทรอยรั่วรอบๆ กรอบประตูและหน้าต่างก็เป็นปัญหาที่พบบ่อยๆ หากพบว่ามีรอยแยกและมีลมรั่วจากภายนอกเข้ามา ก็ควรดำเนินการแก้ไข
เพื่อช่วยกันประหยัดพลังงาน
11 วิธีประหยัดค่าแอร์โดยไม่ต้องลงทุน (2)
4. นำตู้มาตั้งชิดผนังด้านตะวันออกหรือตะวันตก
ผนังด้านที่มีความร้อนเข้ามามากทีสุดคือ ด้านตะวันออก และตะวันตก นอกจากความร้อนที่ผ่านผนังเข้า
มาแล้ว เวลาที่แสงอาทิตย์ส่องถูกผนัง จะทำให้ผนังมีอุณหภูมิร้อนขึ้นมาก และจะแผ่รังสีความร้อนมาสู่ตัวคน ซึ่งจะทำ
ให้คนรู้สึกร้อนขึ้น แม้อุณหภูมิในห้องจะเท่าเดิม ในห้องที่มีสภาพนี้จะต้องตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ประมาณ 21-22 C จึงจะรู้สึกเย็นสบาย แต่เป็นการสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น การนำตู้ไปตั้งชิดผนัง จะช่วยป้องกันการแผ่รังสีความร้อนจากผนังได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องตั้งอุณหภูมิต่ำกว่าปกติ ในห้องที่ผนังห้องไม่ร้อน การตั้งอุณหภูมิที่ 25 C ก็จะเย็น
สบายเพียงพอ นอกจากป้องกันการแผ่รังสีความร้อนจากผนังแล้ว การมีตู้ตั้งชิดผนัง ยังเสมือนว่ามีผนังหนาขึ้น จึง
เป็นการช่วยลดความร้อนที่ผ่านผนังเข้ามาได้ด้วย อย่างไรก็ตาม การนำตู้ไปตั้งติดผนังห้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก
ผนังด้านนั้นมีกระจกด้วย จะทำให้อุณหภูมิภายในตู้สูงกว่าอุณหภูมิห้อง ดังนั้น จึงควรระมัดระวังกรณีที่สิ่งของภายใน
ตู้ไม่สามารถทนความร้อนได้
11 วิธีประหยัดค่าแอร์โดยไม่ต้องลงทุน (1)
11 วิธีต่อไปนี้ จะช่วยเราประหยัดพลังงานและพลังเงินของเราโดยไม่ต้องลงทุน หลายวิธีที่จะกล่าวถึงนี้ อาจเป็นวิธีง่ายๆ ที่เราคิดไม่ถึงหรือเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าเราพร้อมใจกันปฏิบัติอย่างถูกต้อง จะช่วยประหยัดพลังงานและค่าไฟได้อย่างไม่น่าเชื่อ
1. ปิดพัดลมระบายอากาศเมื่อไม่จำเป็น
ในห้องปรับอากาศมักติดตั้งพัดลมระบายอากาศไว้สำหรับระบายอากาศออกจากห้องปรับอากาศ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งห้องที่มีกลิ่นหรือควันจากการสูบบุหรี่ เมื่อมีการระบายอากาศออกจากห้อง ก็จะมีอากาศในปริมาณเท่ากันไหล
เข้ามาในห้อง เพื่อทดแทนอากาศส่วนที่ถูกระบายทิ้งออกไป อากาศจากภายนอกที่ไหลเข้ามาแทนที่นี้ ทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อทำให้อากาศร้อนจากภายนอกที่เข้ามาเย็นลงจนเท่ากับอากาศภายในห้อง พัดลมระบายอากาศนี้มีความจำเป็น หากเป็นห้องที่มีคนใช้งานมาก หรือมีกลิ่นจากเอกสาร, อาหาร หรือควันบุหรี่ แต่หากเป็นห้องที่มีคนใช้งานไม่มาก และไม่มีกลิ่นรบกวน ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดพัดลมระบายอากาศ ทั้งนี้เนื่องจาก โดยธรรมชาติจะมีอากาศรั่วซึมผ่านทางกรอบประตูหน้าต่างอยู่ในปริมาณหนึ่งอยู่แล้ว ซึ่งเพียงพอสำหรับใช้ในการหายใจ
นอกจากนี้ หากเป็นห้องประชุม ในขณะที่เปิดเครื่องปรับอากาศ เพื่อให้อากาศเย็นก่อนจะมีคนเข้าใช้ห้อง ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดพัดลมระบายอากาศ ให้รอจนมีคนเข้าใช้ห้องประชุมเป็นจำนวนมากก่อน จึงเปิดพัดลมระบายอากาศก็ได้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)