วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ระบบปรับอากาศ ตอนที่ 2

ระบบเครื่องปรับอากาศสมัยใหม่ โดยทำขึ้นเพื่อใช้ในงานอุตสาหกรรมการพิมพ์
เพื่อคุมอุณหภูมิและความชื้นภายในอาคาร ภายนอกอาคาร

สารทำความเย็น
1. Chlorofluorocarbon (CFC),
2. Hydrogenated CFC (HCFC)
3. Hydrofluorocarbon (HFC)
A number indicating molecular composition
R 11 R 12 R 22 R 134A

R-11, R-12, R-22, R-20

ประเภทของระบบทำความเย็น โดยการแบ่งตาม fluid ใช้ใน
การถ่ายเทความร้อนจากห้องไปสู่เครื่องทำความเย็น
Rooms Refrigeration machine
1. Direct refrigerant สารทำความเย็น
2. All-air อากาศเป็นตัวกลาง
24
3. All-water น้ำเป็นตัวกลาง
4. Combination air-water แบบผสม
13
1. Direct Refrigerant Systems
ระบบที่ง่ายที่สุด
เหมาะสมกับการทำความเย็นให้กับพื้นที่
เล็กถึงกลาง ที่ต้องการเครื่องปรับอากาศที่
ทำงานอยู่ในพื้นที่

2. All-Air System
 การทำความเย็นในระบบนี้อากาศจะถูกเป่ าผ่าน evaporator coil ที่มี
ความเย็นและถูกส่งต่อโดยผ่านทางท่อ (Duct) เพื่อไปยังห้องทีี่ต้องการความ
เย็น
การออกแบบต้องมีการเผื่อพื้นที่สำหรับงานเดินท่อจ่ายลม



3. All-Water System
 ในระบบนี้น้ำจะถูกทำให้เย็นโดย evaporator coil และถูกส่งต่อไป
ตามท่อไปสู่ fan-coil unit ในพืื้นที่แต่ละส่วนเพืื่อทำความเย็นให้กับพืื้นที่
นั้น
งานระบบท่อน้ำเย็นต้องการพื้นที่น้อยกว่าระบบ all-air system แต่
fan-coil unit ในพื้นที่แต่ละส่วนต้องใช้ที่ตั้ง

4.Combination Air-Water System
ระบบปรับอากาศที่ผสมกันระหว่างน้ำและอากาศในการทำความเย็น มีน้ำเป็น
ของไหลทีี่พาความเย็นไปในระบบเป็นหลักโดยมีอากาศเป็นตัวเสริมเพืื่อทำให้
ระบบสมบูรณ์

ระบบระบายความร้อนที่เกิดขึ้นในเครื่องปรับอากาศ
Rooms → Refrigeration machine → Heat sink
การระบายความร้อนที่เกิดขึ้นใน
เครื่องปรับอากาศจะถูกปล่อยไป
ยัง Heat sink (ได้แก่ …)
ในระบบปรับอากาศสำหรับอาคาร

ขนาดเล็ก ความร้อนจะถูกเป่าออก
ไปสู่อากาศภายนอกเครื่อง
ความร้อนจาก Condensing coil สามารถระบายได้ดีมากขึ้นโดยการใช้น้ำ spray ผ่านด้านบนของ Coil อุปกรณ์ทีใช้เพือระบายความร้อนในลักษณะนีมีชื่อเรียกว่า Evaporative condenser น้ำที่ใช้อยู่ในระบบจะมีการระเหยเนื่องจากมีการระเหิด (Evaporation)ออกไปจากระบบเพื่อทำความเย็น ดังนั้น ต้องมีการเติมน้ำเข้าสู่ระบบเพื่อให้ระดับน้ำมีความเพียงพอในการทำความเย็นอยู่ตลอดเวลา

เนื่องจากการจำกัดในเรื่องความยาวของท่อ Refrigerant,evaporative condenser ไม่ควรมีความยาวเกินกว่า 60 ฟุต จากcompressor และevaporator coil ดังนั้นสำหรับอาคารขนาดใหญ่ Cooling tower เป็นตัวระบายความร้อน cooling waterทำหน้าที่ทำความเย็นให้กับน้ำาที่จะผ่านเข้าสู่ระบบเพื่อที่จะทำความเย็นให้กับ condensercoilโดยปกติตำแหน่งของ cooling water จะอยู่บนหลังคาอาคาร แต่เมื่อพื้นที่ดินมีมากเพียงพอ cooling tower สามารถอยู่บนดินหรือ
สามารถออกแบบให้เป็น น้ำพุ เพื่อสร้างความสวยงาม

ระบบปรับอากาศในอาคารขนาดใหญ่
ระบบปรับอากาศสำหรับอาคารขนาดใหญ่จะใช้เครื่องปรับอากาศแบบที่มีอุปกรณ์ทำความเย็นส่วนกลางสำหรับอาคารสูงสามารถชีพื้นที่หลังคา และพื้นที่ชั้นใต้ดินเป็นส่วนงาน
ระบบ Central station systems Air supply (Ducts and diffusers)
รูปร่างของ duct ที่เหมาะสมคือท่อแบบกลม แต่การใช้ท่อกลมทำให้ต้องเพื่อ
ระยะ ที่โดยปกติมีไม่เพียงพอดังนัั้น ท่อแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าจึงเป็นทีี่นิยม และ
เพื่อไม่ให้เกิดแรงเสียดทานที่สูงเกินไปในท่อ สัดส่วนที่เหมาะสมสำหรับขนาด
ของท่อทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ไม่ควรเกิน 1:5ขนาดของท่อต้องเผื่อความหนาของฉนวนไปอีก 2 นิ้ว เป็นอย่างน้อย Insulation มีประโยชน์ดังนี้
Reduce heat gain or loss
Prevent condensation
Control noise

ขนาดของ duct สามารถลดลงได้ แต่ต้องมีการเพิ่มความเร็วลม
large duct + low velocity = small duct + high velocity
ข้อเสียของการใช้ท่อขนาดเล็ก คือ ? ความเร็วลมแรงทำให้มีเสียงดังเพิ่มขึ้น และ พลังงานที่พัดลมต้องใช้ในการสร้างเรทาใหมเสดเพขลทพตใชราความเร็วลมใน duct ทีมีขนาดเล็กกว่า หัวจ่ายลมเย็น

ตำแหน่งของหัวจ่ายลมเย็นมีความสำคัญต่อความสบายของผู้ใช้พื้นที่
หลักการในการจ่ายลมเย็นคือ ต้องให้มีการหมุนเวียนของอากาศเย็นใน
ความเร็วที่ตํ่า เพื่อที่จะไม่ทำให้เกิดพื้นที่ที่มี stagnant และ drafty
ข้อควรระวังในการวางตำแหน่ง supply air
ไม่ควรให้มีอะไรมาปิดบังแนวลมที่จะถึงพื้นที่ที่ใช้งาน
ในห้องที่มีฝ้ าเพดานสูง การทำความเย็นไม่จำเป็นต้องทำความเย็นให้
ส่วนที่อยู่สูง ระดับการทำความเย็นโดย wall register ที่มี
ความสูงจากศีรษะของผู้ใช้ห้องประมาณ 2-3 ฟุต
สำหรับอาคารที่ ต้องการ heating อากาศอุ่นที่อยู่ด้านบนต้องมี
การนำกลับมา

ระบบการจ่ายลมที่มีปริมาณการจ่ายลมเปลี่ยนแปรลักษณะการจ่ายลมในระบบปรับอากาศ โดยทั่วไปจะเป็นแบบปริมาณการจ่ายลมคงที่(Constant Air Volume หรือ CAV) แต่เนื่องจากลักษณะการจ่ายลมแบบนี้จะมีเครื่องควบคุมอุณหภูมิ หรือเทอร์โมสตัทเพียงชุดเดียวที่บริเวณห้องเครื่องหรือที่หน้าลมกลับ จึงทำให้ไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิในบริเวณต่างๆได้ทั่วถึง ดังนั้นอาคารสำนักงานสมัยใหม่ จึงมักจะใช้ระบบการจ่ายลมที่มีปริมาณการจ่ายลมเปลี่ยนแปร (Variable Air Volume หรือ VAV) โดยมีกล่องควบคุมปริมาณลม (VAV Box) ซึ่งมีลิ้นควบคุมปริมาณลมตามเทอร์โมสตัทในบริเวณนั้น ทำให้ปริมาณการจ่ายลมมากน้อยตามสภาพการใช้งานและการรับแดด ในลักษณ นี้จ ทำให้สามารถควบคมอณหภมิได้ดีขึ้น แล ในแต่ล ชั้นอาจจ มีเทอร์โมสตัท ลณะนจะทาใหคุอุภูมไดดขและแตละชจะมรตถึง 10-30 ชุด ตามขนาดพื้นที่อาคารและการใช้งาน
Return air จะถูกนำกลับโดยการผ่าน return grill แต่ลมกลับ
สามารถผ่าน lighting fixtures, ฝ้ าเพดานที่มีรูพรุน
Grille ไม่ควรอยู่บนพื้นเพื่อป้ องกันฝุ่น และสิ่งของขนาดเล็กจะลงไปได้
ไม่ควรวางตำแหน่ง return grille ไว้ใกล้กับ ตำแหน่งของช่องจ่ายลมเกินไปเพื่อ
ป้องกันการส่งกลับของลมที่ไม่ทำให้ห้องเกิดความเย็น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น