จากที่เว็บไซต์ซึ่งเผยแพร่ในเรื่องของวิธีการถนอมแอร์ ที่บอกว่าก่อนติดเครื่อง ปิดแอร์ เมื่อเครื่องติดแล้วค่อยเปิดแอร์ทีหลัง และเวลาเปิดแอร์ให้ปิดน้ำยาไว้ก่อน ให้ลมเป่ารังผึ้งให้แห้ง ๆและเช่นเดียวกัน เวลาจะกลับถึงบ้าน 1-2 กิโลให้ปิดน้ำยาแอร์ แล้วเร่งพัดลมเพื่อให้ลมเป่ารังผึ้งให้แห้ง แอร์จะทนเพราะไม่มีน้ำจับเกาะ แอร์จะได้ไม่เหม็นอับชื้นทั้งหมดนี้มีทั้งผู้ที่เชื่อและไม่เชื่อต่างก็ถกเถียงกันด้วยความขัดแย้ง
จากผู้รู้ในเรื่องแอร์ยุคใหม่ มิใช่ยุคเก่า ๆ เป็นวิศวกรของโรงงานผลิตแอร์ยี่ห้อดัง ได้ชี้แจงว่า แอร์ยุคใหม่เปิดน้ำยาเอาไว้เลย ชอบจูนอุณหภูมิแบบไหนตามใจชอบ ไม่ต้องปิดและไม่ต้องเปิด ผู้ใช้มีหน้า
ที่ติดเครื่อง แล้วแอร์จะทำหน้าที่เองโดยอัตโนมัติและในเหตุผลในวิธีที่จะถนอมแอร์อย่างที่บอกข้างต้น เขาบอกเลยว่าเท่ากับไปเร่งให้รังผึ้งผุเร็ว และทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย คือถ้าเราปิดน้ำยา น้ำยาจะหยุดแต่ลมไม่หยุด ยังคงเป่าอยู่ ทำให้รังผึ้งแห้งแบบหมาด ๆ เท่านั้น และพอหมาด ๆเวลารถมาจอดนิ่ง ๆ คอยล์เย็นที่ไม่มีน้ำยาไหลผ่านก็จะคงเย็นอยู่เล็กน้อยความเย็นเหล่านั้นจะทำให้คอยล์เย็นดูดเอาไอน้ำภายนอกมาจับเกาะแล้วก็เปียกเหมือนเดิม ผลออกมาจะเกิดเชื้อราได้ง่ายกว่า แต่ถ้าเราปล่อยแบบธรรมชาติ น้ำที่รังผึ้งจะชะล้างคราบฝุ่นผงที่จับเกาะเพราะเราดับเครื่องความเย็นยังเหลือเยอะหยดน้ำก็จะหยดชะล้าง น้ำจะไปท่วมขังในถาดรองน้ำ น้ำในถาดต้องมีตกค้างอยู่บ้างจะไม่ไหลออกทั้งหมด ก็เพื่อให้ได้รองรับฝุ่นผงเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเหตุผลนี้เองที่ผมต้องนำมาเขียน ผมต้องเชื่อผู้ผลิต อายุแอร์ขึ้นอยู่กับคนใช้ที่สกปรกหรือสะอาดไม่ใช่จะไปยุ่งยากในวิธีใช้ เขาสร้างมาให้
สะดวกที่สุดแล้ว เราก็ใช้ไปตามนั้น แต่คำแนะนำของหมอแอร์นั้นจะเชื่อก็ไม่มีใครว่าอะไร จะทำตามก็ไม่มีใครห้าม และก็มีผู้ที่แย้ง บางรายจะติดเครื่องต้องปิดแอร์ก่อน ไม่งั้นมอเตอร์สตาร์ตจะหนัก จะทำให้เปลืองไฟ มอเตอร์จะเสีย ก็ใช่แต่ต้องย้อนหลังไป 30 ปี ยุคแอร์ตู้แขวนนั่นแหละ สมัยนั้นยังไม่มีตัวลดโหลดอัตโนมัติแอร์ก็หมุนไปด้วย แต่ยุคปัจจุบันแอร์ทุกยี่ห้อเครื่องติดแล้วอีก 15 วินาทีต่อมาแอร์จึงจะทำงาน และถ้าความเย็นพอแอร์จะหยุด หรือเร่งเครื่องแรง ๆ แอร์ก็จะตัดเช่นกัน เอาล่ะครับที่เขียนเรียบเรียงมาทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ผู้ใช้นำไปตัดสินว่าแล้วจะเชื่อใคร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น