วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

A Study to Find the Optimum Air-conditioner Temperature that is Comfortable and Consuming Minimum Power (3)

คำถามการวิจัย
1. พฤติกรรมการใช้เครื่องปรับอากาศเกี่ยวกับการตั้งอุณหภูมิ ในที่พักอาศัยของบุคลากร
มหาวิทยาลัยบูรพาเป็นอย่างไร
2. การตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่แตกต่างกันระหว่าง 25๐ – 27๐ C ใช้พลังงาน
ไฟฟ้าแตกต่างกันอย่างไร

วัตถุประสงค์การวิจัย
1. เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้เครื่องปรับอากาศในที่พักอาศัยของบุคลากรมหาวิทยาลัยบูรพา
2. เพื่อเปรียบเทียบการใช้พลังงานไฟฟ้า

เครื่องปรับอากาศในระดับของอุณหภูมิที่แตกต่างกันในที่พักอาศัยของบุคลากรมหาวิทยาลัยบูรพา
กรอบแนวคิดในการวิจัยบุคลากรที่ใช้เครื่องปรับอากาศขนาดเครื่องปรับอากาศ18,000 Btu
12,000 Btu 9,000 Btu

พฤติกรรมการใช้เครื่องปรับอากาศ 25๐ C 26๐ C 27๐ C

การทดลองการหาค่าการใช้พลังงานไฟฟ้าเปรียบเทียบอุณหภมิที่ประหยัดพลังงานไฟฟ้าและเหมาะสม

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้ทราบพฤติกรรมการใช้เครื่องปรับอากาศในที่พักของบุคลากรมหาวิทยาลัยบูรพา
ด้านการใช้ การประหยัดพลังงาน ความรู้ความเข้าใจพื้นฐานการใช้พลังงานไฟฟ้า การรับรู้จากสื่อ

ต่างๆ ที่รณรงค์การประหยัดพลังงาน และความรู้สึกสบายในอุณหภูมิระดับใด



2. ได้ทราบความแตกต่างในการใช้พลังงานไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศในระดับอุณหภูมิที่แตกต่างกัน

เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจพื้นฐานการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ถูกต้อง
วารสารศึกษาศาสตร์ ปีที่ 18 ฉบับที่ 1 เดือนมิถุนายน 2549-ตุลาคม 2549 หน้า 79

3. ได้คำตอบที่ชัดเจนว่าตามที่ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงานรณรงค์การ

ประหยัดพลังงานไฟฟ้าโดยการตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ที่อุณหภูมิ 25๐ C นั้นยังสามารถตั้ง

อุณหภูมิให้สูงกว่า และยังอยู่ในสภาวะที่เย็นสบายได้หรือไม่ขอบเขตการวิจัย

1. การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยต้องการที่จะศึกษาการตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ระดับ 25๐ C 26๐
C และ 27 ๐ C ในที่พักอาศัยของบุคลากรมหาวิทยาลัยบูรพา เฉพาะกรณีในช่วงเวลา กลางคืน
(เวลานอน) เท่านั้น ด้วยเหตุผลคือ 1) อุณหภูมิสภาพแวดล้อมนอกห้องพักอาศัยมีการเปลี่ยนแปลง
น้อย ซึ่งอุณหภูมิเฉลี่ยกลางคืน ในช่วงเวลาที่ทำการทดลอง ระหว่างวันที่ 15 – 30 พฤษภาคม
2548 อยู่ที่ 28 – 30๐ C 2) ช่วงเวลาที่ใช้ในการทดลองหาค่าพลังงานไฟฟ้าของเครื่องปรับ

อากาศในที่พักอาศัย สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องเพราะเป็นช่วงเวลากลางคืน บุคลากร กลุ่ม

ทดลองสามารถช่วยจดบันทึกข้อมูลได้อย่างครบถ้วน


2. ขนาดเครื่องปรับอากาศต่อพื้นที่ของห้องนอนที่ทำการทดลองนี้ ถือว่ามีความเหมาะสม และความ

ถูกต้องตามหลักวิชาการของการติดตั้งเครื่องปรับอากาศแล้ว ซึ่งขนาดของเครื่องปรับอากาศที่ใช้

ทดลองหาค่าพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ คือ 9000 Btu/h (0.75 ตัน) 12000 Btu/h
(1 ตัน) และ 18000 Btu/h (1.5 ตัน) เป็นขนาดที่บุคลากรมหาวิทยาลัยบูรพาส่วนใหญ่ใช้

กันอยู่ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้มาจากการสำรวจเบื้องต้น

3. กลุ่มตัวอย่างที่นำมาใช้เพื่อการติดตั้งมาตรวัดไฟฟ้าให้กับเครื่องปรับอากาศ ต้องเป็นบุคลากร

มหาวิทยาลัยที่มีที่พักอาศัยในพื้นที่บริเวณรอบมหาวิทยาลัยรัศมีไม่เกิน 3 กิโลเมตร ซึ่งเป็นบ้านพัก

อาศัยไม่เกินสองชั้น และใช้วัสดุก่อสร้างแบบเดียวกันประชากรและกลุ่มตัวอย่างประชากร ได้แก่ บุ

คลกรมหาวิทยาลัยซึ่งประกอบด้วย ข้าราชการ พนักงานมหาวิทยาลัยที่พักอาศัยอยู่บริเวณรอบ

มหาวิทยาลัยรัศมีไม่เกิน 3 กิโลเมตร ที่ใช้เครื่องปรับอากาศกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ บุคลากรมหาวิทยาลัย
ที่มีบ้านพักอยู่บริเวณรอบมหาวิทยาลัย จำนวน 100 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบง่าย เพื่อศึกษา

พฤติกรรมการใช้เครื่องปรับอากาศในที่พักอาศัย ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่ใช้เพื่อการทดลองด้านการใช้

พลังงานไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศ ได้มาจากการเลือกสุ่มบุคลากรจากกลุ่มตัวอย่างที่อนุญาตให้ผู้

วิจัยเข้าไปดำเนินการติดตั้งมาตรวัดไฟฟ้าให้กับเครื่องปรับอากาศในที่พักอาศัยได้ จำนวน 15 คน (

15 บ้าน)

เครื่องมือการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยใช้เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล 2 ชนิดคือ
แบบสัมภาษณ์ และแบบบันทึกการทดลอง

1. แบบสัมภาษณ์ เป็นแบบสัมภาษณ์อย่างมีโครงสร้างใช้สัมภาษณ์ เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้

เครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมเพื่อการประหยัดพลังงาน ของบุคลากรมหาวิทยาลัยบูรพาซึ่งประกอบ

ด้วย การตั้งอุณหภูมิ ความรู้สึกต่ออุณหภูมิที่ตั้ง ขนาดเครื่องปรับอากาศที่ใช้คือ 18,000 Btu

12,000 Btu 9,000 Btu ความเข้าใจพื้นฐานในการใช้พลังงานไฟฟ้า ระยะเวลา
ในการใช้เครื่องปรับอากาศแต่ละครั้ง (แต่ละคืน)

2. แบบบันทึกการทดลอง เป็นแบบฟอร์มที่ใช้ในการจดบันทึกข้อมูลการใช้พลังงานไฟฟ้า
ของเครื่องปรับอากาศในแต่ละคืน (8 ชั่วโมง)หน้า 80 วารสารศึกษาศาสตร์ ปีที่ 18 ฉบับที่ 1 เดือน

มิถุนายน 2549-ตุลาคม 2549 จากมาตรวัดไฟฟ้าที่ติดตั้งให้กับเครื่องปรับอากาศ
ในที่พักอาศัยแต่ละเครื่องการสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยดำเนินการตาม

ลำดับดังนี้

1. ศึกษาแนวคิดทฤษฎีต่าง ๆ จากบทความ เอกสาร ตำรา และผลงานการวิจัยเกี่ยวข้องกับระบบปรับ

อากาศ การประหยัดพลังงานไฟฟ้าในเครื่องปรับอากาศ เทคโนโลยีเครื่องปรับอากาศ และความรู้สึก

ต่ออุณหภูมิการปรับอากาศ
2. การศึกษานำร่องโดยการสัมภาษณ์นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญและผู้เกี่ยวข้องกับระบบปรับอากาศ
3. นำข้อมูลที่ได้จากการศึกษาทั้งข้อ 1และข้อ 2 มาสร้างแบบสัมภาษณ์
4. นำแบบสัมภาษณ์ตรวจสอบความสมบูรณ์ของโครงสร้างสำหรับการสัมภาษณ์การหาคุณภาพของ

เครื่องมือการวิจัยการหาคุณภาพของแบบสัมภาษณ์ ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ แยกออกได้เป็นการ
หาค่าความเที่ยงตรง (Validity) การทดสอบค่าอำนาจจำแนก (Discrimination)

และความเชื่อมั่น (Reliability)

1.ความเที่ยงตรง (Validity) การหาความเที่ยงตรงของแบบสอบถามนี้ ผู้วิจัยได้นำแบบ
สอบถามที่สร้างขึ้นมาไปให้ให้ผู้เชี่ยวชาญนักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิ ช่วยตรวจสอบแก้ไข
2.การทดสอบค่าอำนาจจำแนก(Discrimination) การทดสอบค่าอำนาจจำแนก
ผู้วิจัยได้ศึกษากลักการของการหาค้าอำนาจจำแนกโดยได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญ
สถิติการวิจัย
3.ความเชื่อมั่น (Reliability) การหาค่าความเชื่อมั่นผู้วิจัยได้ทดสอบเครื่องมือการวิจัย
โดยการ (try out) กับกลุ่มตัวอย่างี่มีความคล้ายกับกลุ่มทดลองจำนวน 20 คนนำมาหาค่า
สัมประสิทธ์ อัลฟาที่ 0.90 และให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอีกครั้งการหาคุณภาพของแบบบันทึกการ

ทดลอง ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ แยกได้ ดังนี้

1.ความเที่ยงตรง (Validity) การหาความเที่ยงตรงของแบบบันทึกการทดลองนี้ผู้วิจัยได้นำ

แบบบันทึกการทดลองที่สร้างขึ้นมาไปให้ให้ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิช่วยตรวจสอบ

แก้ไข
2. การทดสอบค่าอำนาจจำแนก (Discrimination) การทดสอบค่าอำนาจจำแนก ผู้วิจัย

ได้ศึกษากลักการของการหาค้าอำนาจ จำแนกโดยได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญ สถิติการวิจัย
3.ความเชื่อมั่น (Reliability) การหาค่าความเชื่อมั่นผู้วิจัยได้ทดสอบเครื่องมือการ
วิจัยโดยการ (try out) กับกลุ่มตัวอย่างที่มีความคล้ายกับกลุ่มทดลองจำนวน 15คนโดยแยก

ตามขนาดของเครื่องปรับอากาศกลุ่ม ละ 5 คน นำมาหาค่าสัมประสิทธ์อัลฟาที่ 0.95 และให้ผู้เชี่ยวชาญ
ตรวจสอบอีกครั้งการเก็บรวบรวมข้อมูลและการจัดทำข้อมูลการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้ดำเนินการ
ตามขั้นตอนดังนี้

1. หลังจากได้กลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นบุคลากรมหาวิทยาลัย จำนวน 100 คนแล้วผู้วิจัยดำเนินการ

สัมภาษณ์โดยมีแบบสัมภาษณ์ที่สร้างขึ้น ใช้วิธีสื่อสารทางโทรศัพท์ จนเป็นที่เข้าใจ จดบันทึก แล้วนำ

ข้อมูลมาจัดหมวดหมู่เพื่อทำการวิเคราะห์ต่อไป
2. การติดตั้งมาตรวัดการใช้พลังงานไฟฟ้า ผู้วิจัยเริ่มเข้าไปดำเนินการติดตั้งทันทีวารสารศึกษาศาสตร์

ปีที่ 18 ฉบับที่ 1 เดือนมิถุนายน 2549-ตุลาคม 2549 หน้า 81หลังจากที่ได้รับอนุญาตจากกลุ่มตัวอย่าง

โดยแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 3 กลุ่ม จากจำนวน 15 คน ดังนี้

กลุ่มที่ 1 จำนวน 5 คน (5 บ้าน) ที่ใช้เครื่องปรับอากาศขนาด 9000 Btu/h
กลุ่มที่ 2 จำนวน 5 คน (5 บ้าน) ที่ใช้เครื่องปรับอากาศขนาด 12000 Btu/h
กลุ่มที่ 3 จำนวน 5 คน (5 บ้าน) ที่ใช้เครื่องปรับอากาศขนาด 18000 Btu/h

3. การเก็บข้อมูลจากการทดลองหาค่าพลังงานไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศในที่พักอาศัยนั้น เจ้าของ

อาคารที่พักอาศัยจะเป็นผู้จดบันทึกข้อมูลเอง ตามแบบฟอร์มที่ผู้วิจัยได้จัดเตรียมไว้ให้ และจดบันทึก

ข้อมูลการใช้พลังงานไฟฟ้าทุกคืนอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดให้ คืนที่ 1ให้ปรับอุปกรณ์ควบคุม

อุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศที่จะทำให้อุณหภูมิของห้องนอนมีค่าเท่ากับ25๐ C ตามเครื่องมือวัด

อุณหภูมิที่ผู้วิจัยให้ไว้คืนที่ 2 ให้ปรับอุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศที่จะทำให้อุณหภูมิ

ของห้องนอนมีค่าเท่ากับ 26๐ C ตามเครื่องมือวัดอุณหภูมิที่ผู้วิจัยให้ไว้คืนที่ 3 ให้ปรับอุปกรณ์ควบ

คุมอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศที่จะทำให้อุณหภูมิของห้องนอนมีค่าเท่ากับ 27๐ C ตามเครื่องมือ

วัดอุณหภูมิที่ผู้วิจัยให้ไว้ เช่นเดียวกัน เมื่อครบกำหนด3 คืนแล้วให้เริ่มต้นที่ระดับอุณหภูมิที่ 25๐ C

ใหม่จนครบ 9 คืน รวมเวลาที่ใช้ไปกับเครื่องปรับอากาศในแต่ละระดับอุณหภูมิเท่ากับ 24 ชั่วโมง

เวลาเริ่มต้นการใช้เครื่องปรับอากาศเริ่มต้นที่เวลาระหว่าง 21.00 -22.00 น. และใช้ต่อเนื่องไปจน

ครบ8 ชั่วโมง ของแต่ละคืนการวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลตาม
ลำดับดังนี้

ตอนที่ 1 นำข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ความคิดเห็นการใช้เครื่องปรับอากาศในที่พักอาศัยของ

บุคลากรมหาวิทยาลัยบูรพามาวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการทางสถิติเพื่อหาค่าความถี่ และร้อยละ
ตอนที่ 2 นำข้อมูลที่ได้จากการจดบันทึกของกลุ่มที่ทดลองติดตั้งมาตรวัดไฟฟ้าให้กับเครื่องปรับอากาศ

ในที่พักอาศัย มาวิเคราะห์เพื่อหาค่าพลังงานที่ใช้ไปกับเครื่องปรับอากาศแต่ละขนาดโดยนำมาเปรียบ

เทียบการใช้พลังงานไฟฟ้าเครื่องปรับอากาศในระดับของอุณหภูมิที่แตกต่างกันด้วยวิธีการทางสถิติ

เพื่อหาค่าค่าเฉลี่ย แล้วนำมาคิดคำนวณเงินค่าพลังงานตามวิธีการของ แอร์ไทยเซ็นเตอร์ (2548)

และวิธีการทาง คณิตศาสตร์ สรุปผลการวิจัย ตอนที่ 1 จากการสัมภาษณ์ความคิดเห็น
ของบุคลากรมหาวิทยาลัยบูรพาที่ใช้เครื่องปรับอากาศจำนวน 100 คน มีพฤติกรรมการใช้
เครื่องปรับอากาศดังนี้

1.การตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศเวลานอน พบว่า บุคลาการมหาวิทยาลัยบูรพา
ร้อยละ 76 ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ระดับ 25o C ร้อยละ14 ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับ

อากาศที่ระดับ 26o C และ ร้อยละ10 ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ระดับ 27o C
2. ความรู้สึกต่ออุณหภูมิที่ใช้เครื่องปรับอากาศในระดับที่ 25o C พบว่า ร้อยละ 84 เห็นว่าเป็น

อุณหภูมิที่กำลังสบาย ร้อยละ 16 เห็นว่าค่อนข้างเย็นผู้ที่ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ที่ระดับ 26 o

C พบว่า ร้อยละ 100 เห็นว่าเป็นอุณหภูมิ ที่กำลังสบายดี ส่วนผู้ที่ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ
ที่ระดับ 27 o C พบว่า ร้อยละ 100 เห็นว่าเป็นอุณหภูมิที่กำลังสบายดี เช่นกัน
3. พฤติกรรมขณะนอนที่อุณหภูมิต่างๆพบว่า ร้อยละ 100 ของผู้ที่ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ระดับ

25 o C ต้องห่มผ้าขณะที่นอนร้อยละ 100 ของผู้ที่ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับ อากาศที่ 26 o C

ต้องห่มผ้าขณะนอน และผู้ที่ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 27 o C มีร้อยละ 75 ต้องห่มผ้าขณะ

นอน และร้อยละ 25 ไม่ต้องห่มผ้าขณะนอน
4. การตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศในระดับต่างๆ นั้น พบว่า การตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับ อากาศที่

ระดับ 25 o C นั้น ร้อยละ 80 ตั้งตามคำแนะนำจากการรณรงค์ประหยัดพลังงานผ่านสื่อต่าง ๆ

ร้อยละ 20 ตั้งตามความคิดเห็นของตนเองการตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ระดับ 26 o C นั้น

พบว่าร้อยละ 100 ตั้งตามความคิดเห็นของตนเองส่วนการตั้ง อุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ
ที่ระดับ 27 o C พบว่า ร้อยละ 100 ตั้งตามความคิดเห็นของตนเอง เช่นเดียวกัน
5. ความคิดเห็นด้านประหยัดพลังงานที่มีต่อการปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศเวลานอนพบว่า ร้อยละ

65 ของบุคลากรที่ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ระดับ 25 o C เชื่อว่าการตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับ

อากาศที่ 25 o C ประหยัดพลังงานไฟฟ้ามากที่สุด และร้อยละ 35 ของบุคลากรที่ตั้งอุณหภูมิเครื่อง

ปรับอากาศที่ระดับ 25o C เข้าใจว่าการตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ที่ระดับสูงกว่า 25 o C

ประหยัดพลังงานไฟฟ้ามากที่สุด
6. ระยะเวลาการใช้เครื่องปรับอากาศ พบว่า ระยะเวลาในการใช้เครื่องปรับอากาศ คือ ร้อยละ 15 ใช้

เครื่องปรับอากาศวันละ 7 ช.ม.ร้อยละ 62 ใช้เครื่องปรับอากาศวันละ 8 ช.ม.ร้อยละ 12 ใช้เครื่องปรับ

อากาศวันละ 9 ช.ม.และร้อยละ 11 ใช้เครื่องปรับอากาศต่อวันไม่แน่นอน
7. ขนาดของเครื่องปรับอากาศที่บุคลากรใช้พบว่า ร้อยละ 18 ใช้เครื่องปรับอากาศขนาด
9,000 Btu/h (0.75 ตัน) ร้อยละ 43 ใช้เครื่องปรับอากาศขนาด 12,000 Btu/h (1

ตัน) ร้อยละ 15 ใช้เครื่องปรับอากาศขนาด 18,000 Btu/h (1.5 ตัน)
และ ร้อยละ 24 ไม่ทราบขนาดที่แน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น