วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

A Study to Find the Optimum Air-conditioner Temperature that is Comfortable and Consuming Minimum Power (5)

อภิปรายผล
ตอนที่ 1 พฤติกรรมการใช้เครื่องปรับอากาศของบุคลากรมหาวิทยาลัยบูรพา พบว่า
บุคลากรมหาวิทยาลัยบูรพา ร้อยละ 76 ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศห้องนอนที่ระดับ 25o C

ร้อยละ 14 ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศห้องนอนที่ระดับ 26o C และ ร้อยละ 10 ปรับอุณหภูมิ

เครื่องปรับอากาศห้องนอนที่ระดับ 27o C แสดงว่าทุกคนไม่ได้ปรับอุณหภูมิในห้องนอนที่ระดับ

25o C ทุกคน ตามที่มีการรณรงค์ผ่านสื่อต่างๆ ที่ให้ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25o C

อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นเวลากลางคืน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อุณหภูมินอกบ้านไม่สูงมากนัก
จึงมีการตั้งอุณหภูมิห้องนอนที่ 26o C และ 27o C จากข้อมูลที่ได้รับ ทุกคนที่ตั้งอุณหภูมิที่

26o C และ 27o C บอกว่าเป็นอุณหภูมิที่กำลังเย็นสบายดี และร้อยละ 25 ของบุคลากรที่ตั้ง

อุณหภูมิเครื่อง ปรับอากาศที่ 27o C บอกว่าไม่ต้องห่มผ้านอน นอกนั้น ไม่ว่าจะตั้งอุณหภูมิ

เครื่องปรับอากาศที่ 26oC หรือ 25o C ต้องห่มผ้านอนทั้งสิ้น และที่ น่าสนใจมากจากข้อมูลที่

ได้จาการศึกษาครั้งนี้ คือ ร้อยละ 16 ของบุคลากรที่ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศห้องนอนที่ 25o C

บอกว่าอุณหภูมิในระดับนี้ค่อนข้างเย็น และถ้าไปเช็คข้อมูลด้านความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการปรับ

อุณหภูมิ เพื่อการประหยัดพลังงาน บุคลากรกลุ่มนี้ทั้งหมดตั้ง
อุณหภูมิตามคำแนะนำของสื่อโฆษณา ที่แนะนำให้ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25o C

ประหยัดพลังงานไฟฟ้ามากที่สุด



ตอนที่ 2 จากผลสรุปของการใช้พลังงานไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศทั้งสามขนาด คือ
ขนาด 9,000 Btu/h (0.75 ตัน) 12,000 Btu/h (1 ตัน)และ ขนาด 18, 000

Btu/h (1.5 ตัน) พบว่าเครื่องปรับอากาศทุกขนาดที่ตั้งอุณหภูมิใช้งานที่
25o C จะเปลืองพลังงานไฟฟ้ามากกว่าการตั้งอุณหภูมิใช้งานที่ 26o C และการตั้งอุณหภูมิ
ใช้งานที่ 26o C จะเปลืองพลังงานไฟฟ้ามากกว่าการตั้งอุณหภูมิใช้งานที่ 27o C
จากการทดลองหาค่าพลังงานไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศทั้งสามขนาด ไม่ว่าจะตรวจสอบเป็นราย

เครื่อง หรือจะตรวจสอบโดยเฉลี่ยเครื่องปรับอากาศทุกเครื่องที่ตั้งอุณหภูมที่ 25o C จะใช้

พลังงานไฟฟ้ามากกว่าการตั้งอุณหภูมิ ใช้งานที่ระดับ 26o C และการตั้งอุณหภูมิใช้งานที่
26o C จะเปลืองพลังงานไฟฟ้ามากกว่าการตั้งอุณหภูมิใช้งานที่ 27o C ทั้งนั้น
ส่วนเครื่องปรับอากาศที่มีขนาดเดียวกัน และตั้งอุณหภูมิที่ระดับเดียวกัน แต่ใช้พลังงาน
ไฟฟ้าไม่เท่ากันนั้น อาจจะมีสาเหตุมาจาก

องค์ประกอบต่างๆ ดังนี้
1. จำนวนผู้ที่พักอาศัยในแต่ละห้องของบุคลากรกลุ่มตัวอย่าง มีจำนวนไม่เท่ากัน เพราะมี
ทั้งกลุ่มตัวอย่างที่เป็นโสด กลุ่มตัวอย่างที่แต่งงานแล้ว และกลุ่มตัวอย่างที่แต่งงานแล้วและมีลูก
ที่ยังพักอยู่ในห้องเดียวกัน ห้องไหนที่มีจำนวนผู้พักอาศัยมาก เครื่องปรับอากาศในห้องนั้นจะต้องทำ

งานมากด้วย คือใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่าห้องที่มีบุคลากรพักคนเดียว
2. สภาพของเครื่องปรับอากาศในแต่ละที่พักอาศัยของกลุ่มตัวอย่างในแต่ละหัองพักอาศัยอาจ

ใหม่-เก่าไม่เท่ากัน ถึงแม้จะเป็นเครื่องปรับอากาศที่ใหม่เท่ากัน แต่ประสิทธิภาพในการทำงานของ

เครื่องปรับอากาศแต่ละเครื่องก็แตกต่างกัน เครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงเช่น เครื่อง ปรับ

อากาศที่เรียกว่าผ่านการทดสอบได้ฉลากเบอร์ 5 มาแล้ว ถือว่ามีประสิทธิภาพสูงมากจะใช้พลังงาน

ไฟฟ้าน้อยกว่าเครื่องปรับอากาศ ขนาดเดียวกันที่ใม่ได้ติดฉลากเบอร์ 5 หรือที่ ภาษาชาวบ้าน เรียก

กันว่ากินกระแสน้อย ทำให้ประหยัดพลังงาน ผู้ใช้เครื่องปรับอากาศประเภทนี้จะเสียเงินค่ากระแส

ไฟฟ้ารายเดือนต่ำกว่า
3. ขนาดของห้องที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศมีขนาดใหญ่เล็กแตกต่างกัน ถึงแม้ว่าวิศวกรจะได้คำนวณ

ขนาดพื้นของห้องต่อขนาดของเครื่องปรับอากาศให้ก่อนที่จะมีการติดตั้งแล้วก็ตามห้องที่มีขนาดที

ใหญ่กว่าจะใช้พลังงานไฟฟ้าที่มากกว่า
4. ฉนวนของห้องที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศในกลุ่มทดลอง อาจจะมีความหนาของผนังห้องไม่เท่ากัน

รอยรั่วต่างๆ ตามวงกบอาจไม่เท่ากันหน้าต่างปิดแล้วอาจสนิทไม่เท่ากัน ห้องไหนมีช่องให้อากาศ

ภายนอกเข้ามาในห้องที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศได้มาก ห้องนั้นย่อมเปลืองพลังงานไฟฟ้า
ของเครื่องปรับอากาศมาก เพราะอากาศที่ร้อนกว่าจะไหลเข้ามาในห้องที่เย็นกว่าตลอดเวลา เครื่อง

ปรับอากาศก็ต้องทำงานตลอดเวลาด้วย
5. ตำแหน่งของห้องที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ถ้าห้องนั้นอยู่ด้านทิศตะวันตกของอาคารจะได้รับ

พลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์มากในเวลากลางวัน พลังงานความร้อนเหล่านั้นจะสะสมไว้กับส่วน

ต่างๆ ของห้อง เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว พลังงานความร้อนที่สะสมไว้ใต้หลังคา ฝ้าเพดาน

และหนังห้องจะค่อยๆปล่อยออกมา ทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักมากในช่วงเวลาเริ่มต้นใช้

งาน เพราะพลังงาน ความเย็นที่เครื่องปรับอากาศผลิตออกมาจะต้องจ่ายไปลบล้างพลังงานความร้อน

ที่สะสมมาจากตอนกลางวันนอกจากนี้ยังมีตัวแปรอื่นๆ อีกมากที่ผู้วิจัยไม่สามารถควบคุมตัวแปรเหล่า

นี้ได้ เช่น ขนาดห้องนอน วัสดุที่ใช้ทำผนัง อุปกรณ์ที่เป็นสิ่งทำให้เกิดความร้อนภายในห้องนอน แต่

อย่างไร ก็ตามเครื่องปรับอากาศทุกเครื่อง ทุกขนาดที่ผู้วิจัยได้ทำการทดลองหาค่าพลังงานไฟฟ้า เมื่อ

เปรียบเทียบกันในเรื่องของอุณหภูมิ ทุกเครื่องที่ตั้งอุณหภูมิที่ต่ำกว่า จะเปลืองพลังงานไฟฟ้ามากกว่า

ข้อเสนอแนะ
1. ผู้วิจัยอยากจะให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเครื่องปรับอากาศ คือ

การควบคุมอุณหภูมิภายในห้องหรือภายในอาคารได้สนใจศึกษาค้นคว้าวิจัยทางด้านนี้มากๆ ขึ้น

เพราะยังมีตัวแปรอื่นๆ อีกจำนวนไม่น้อย ที่มีผลต่อการประหยัดพลังงานเกี่ยวกับการใช้เครื่องปรับ

อากาศ
2. ผู้วิจัยอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์เรื่องการประหยัดพลังงานไฟฟ้าของเครื่อง

ปรับอากาศนั้นได้ใช้คำโฆษณาเสียใหม่ที่ว่าตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25o C เพื่อการ
ประหยัดพลังงานไฟฟ้า เปลี่ยนเป็น เช่น ช่วยกันประหยัดพลังงานไฟฟ้าด้วยการตั้งอุณหภูมิ
เครื่องปรับอากาศไม่ต่ำกว่า 25o C เป็นต้น หรือข้อความอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ข้อความที่ชี้เฉพาะ

เจาะจงเหมือนที่รณรงค์อยู่ในปัจจุบัน เพราะการรณรงค์แบบชี้จำเพาะเจาะจงแบบนี้ ทำให้คนจำนวน

ไม่น้อยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการตั้งอุณหภูมเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสม และประหยัดพลังงานไฟฟ้า

มากที่สุด เพราะจากการศึกษาครั้งนี้ พบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 65 ของบุคลากรที่ตั้งอุณหภูมิ
ห้องนอนที่ 25o C เชื่อว่าเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมและประหยัดพลังงานไฟฟ้ามากที่สุด และ
ในกลุ่มเดียวกันนี้ส่วนหนึ่งบอกว่าเป็นระดับอุณหภูมิที่ค่อนข้างเย็น ซึ่งแสดงว่าการตั้งค่าอุณหภูมิที่

25o C ไม่ได้เหมาะสมสำหรับทุกคนแต่คนเหล่าน้นั ก็ต้งั อุณหภูมิเคร่อื งปรับอากาศท่รี ะดับเท่านี้
เพราะเชื่อจากคำโฆษณาที่มาจากสื่อต่าง ๆดังนั้นถ้าทุกบ้านที่ใช้เครื่องปรับอากาศห่มผ้าให้บางลงอีกนิด

แล้วตั้งอุณหภูมิให้สูงขึ้นอีกหน่อย เช่นจาก 25o C เป็น 26o C ซึ่งก็จะเป็นอุณหภูมิที่กำลัง

สบายตามคำแนะนำในเรื่อง “เครื่องปรับอากาศกับสุขภาพ” ที่ตีพิมพ์ในวารสารยา สมาคมร้าน

ขายยา (2546) และ จากคำแนะนำสภาวิศวกร (2542) สำหรับห้องนอนเมื่อใช้งานในตอนกลางคืน

ควรจะเป็นประมาณ 26o Cเพราะในขณะที่นอน การทำงานของร่างกายจะลดลง และไม่ควรใช้ผ้า

ห่มที่เป็นผ้านวมหนาๆเพราะจะทำให้ต้องปรับอากาศที่อุณหภูมิต่ำเกินจำเป็นสุดท้ายก็เปลืองไฟฟ้า จะ

เห็นว่าการตั้งอัณหภูมิเครื่องปรับอากาศสูงขึ้นกว่าเดิมสัก 1 o C ตามทฤษฎี
(ไทยเอนเนอร์ยี่นิวส์, 2545) ก็สามารถประหยัดพลังงาน ไฟฟ้าได้ถึงร้อยละ 10 ซึ่งในข้อสรุป
ของผู้จัดการออนไลน์ (2548) ได้สรุปไว้ว่า การปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 26 – 28 องศา

จะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าถึงได้ ร้อยละ15 -20 จากการศึกษาครั้งนี้ ที่ไม่มีการควบคุมตัวแปรต่างๆ
ทดลองจากสภาพห้อง สภาพเครื่องปรับอากาศตามที่ใช้งานในชีวิตประจำวันจริง ค่าพลังงานไฟฟ้าของ

เครื่องปรับอากาศที่ตั้งให้อุณหภูมิสูงขึ้น 1 o C จะประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่าร้อยละ10

เช่นเดียวกัน และถ้าเราปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นกว่าเดิมสัก 1 o C หรือมากกว่า แต่ก็ยังอยู่ในภาวะ
ที่คิดว่ากำลังสบาย จะช่วยลดพลังงานไฟฟ้าได้อีกมากทีเดียว เพราะปัจจุบันนี้พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ไปกับ

เครื่องปรับอากาศ มีค่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของพลังงานไฟฟ้าที่ใช้กันตามบ้านเรือนอยู่แล้ว


เอกสารอ้างอิง
การทดสอบเครื่องปรับอากาศประสิทธิภาพสูง “แอร์เบอร์ 5”. (2541).วารสารพลังงาน, 8(41),

75-76.
โกวิท แก้วเสมา. (2542). ประหยัดพลังงานในระบบเครื่องปรับอากาศ. อินดัสเทรียล เทคโนโลยี รีวิว,
53, 103-107.
เครื่องปรับอากาศกับสุขภาพ. (2546).วารสารยา สมาคมร้านขายยา, ปีที่ 22(5), 21-25.
ฉัตรชาญ ทองจับ. (2544). การใช้เครื่องปรับอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ. พัฒนาเทคนิคศึกษา,
13(37), 10-14.
ชัยชาญ ฤทธิเกริกไกร. (2548). 5 วิธี ช่วยหน่วยงานประหยัดพลังงาน ประหยัดเงิน. วันที่ค้นข้อมูล 5
เมษายน 2548, เข้าถึงได้จาก

http://teenet.chiangmai.ac.th/emac/journal/2003/21/06

.php
ชูศรี วงศ์รัตนะ. (2544). เทคนิคการใช้สถิติเพื่อการวิจัย (พิมพ์ครั้งที่ 8). กรุงเทพฯ: เทพเนรมิตการ

พิมพ์.
ถาวร อมตกิตต์ิ. (2545). ระบบไฟฟ้าและการประหยัดพลังงานไฟฟ้าสำหรับประชาชน. กรุงเทพฯ:
เอ็มแอนด์อี.
ธนาคม สุนทรชัยนาคแสง. (2544). การใช้เครื่องปรับอากาศกับการประหยัดพลังงาน. ส่งเสริม

เทคโนโลยี,
28(160), 138-142.
ธนาคม สุนทรชัยนาคแสง. (2544). เทคนิคในการเลือกซื้อและติดตั้งเครื่องปรับอากาศ. วารสารเพื่อ

สุขภาพ,
8(48) 79-82.
_______ . (2548). กระบวนการและเทคนิคการลดค่าใช้จ่ายพลังงานสำหรับอาคารและโรงงาน

อุตสาหกรรม
(พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: รำไทย เพรส.
ธานินทร์ ศิลป์จารุ. (2548). การวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วย SPSS (พิมพ์ครั้งที่ 8).

กรุงเทพฯ:
วี. อินเตอร์ พริ้นท์.
นิตยา จันตัน. (2542). การบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศ. วารสารโลกพลังงาน, 2(3), 19-23.
บริษัท แอร์อามินา. (2546). เทคโนโลยีเครื่องปรับอากาศกับแนวโน้มในอนาคต. อินดัสเทรียล

เทคโนโลยี
รีวิว, 9(113), 185-188.
ประพันธ์ ธนาปิยกุล. (2547). เทคนิคการตรวจวัดและวิเคราะห์สมรรถนะของเครื่องปรับอากาศแบบ
แยกส่วน. เทคนิค เครื่องกล ไฟฟ้า อุตสาหการ, 21(241), 121-125.
ปราโมทย์ ชื่นปรีดี. (2512). การติดตั้งและตรวจซ่อมเครื่องปรับอากาศด้วยตนเอง. กรุงเทพฯ: เกษม

บรรณกิจ.
พิภพ บุษราคัมวดี. (2544). เรื่องของแอร์และการดูแล. หมอชาวบ้าน, 20(239), 56-59.
ไพบูลย์ พลคุณานุกร. (2545). ฉนวนกันความร้อนช่วยเครื่องปรับอากาศประหยัดไฟฟ้า. เทคนิค

เครื่องกล
ไฟฟ้า อุตสาหการ, 9(212), 143-145.
______ . (2543). ทำอย่างไรจึงจะใช้งานเครื่องปรับอากาศอย่างประหยัด. วารสารนักบริหาร, 20(3),


วัชระ มั่งวิทิตกุล. (2547). ตรวจวัดการใช้พลังงานให้ถูกต้องและถูกใจ. อินดัสเทรียล เทคโนโลยี รีวิว,
10(127), 195-196.
วัฒนา กสิกุล. (2543). การใช้และเลือกขนาดของเครื่องปรับอากาศ.วารสารร่มไทยทอง, 9(212),

108-116
ศูนย์ประชาสัมพันธ์รวมพลังหาร 2 กระทรวงพลังงาน. (2546). สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
กระทรวงพลังงาน บุกภาคกลาง เหนือ อีสานและใต้ แจกทอง กระตุ้นประหยัดพลังงานหน้าร้อน.
วันที่ค้น ข้อมูล 5 เมษายน 2548, เข้าถึงได้จาก http://www.eppo.go.th/encon/

press/encon- press
25460411-3.htm
สภาวิศวกร. (2542). สารคดี 1 นาที่ : อุณหภูมิห้องปรับอากาศที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไหร่. วันที่ค้น

ข้อมูล
20 มีนาคม 2547, เข้าถึงได้จาก http://www.coe.or.th/co18knowledge/

learning/learning1-15.php
สาธิต เงาเงิน. (2547). การตรวจวัดและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศ. วารสารโลก

พลังงาน,
7(25), 62-67.
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน. (2546). บทสรุปผู้บริหาร. วันที่ค้นข้อมูล 5

เมษายน
2548, เข้าถึงได้จาก http://www.eppo.go.th/doc/report-2546/ -

executive-summary.html
สุชาติ ประสิทธิรัฐสินธ์ุ. (2544). ระเบียบวิธีการวิจัยทางสังคมศาสตร์. กรุงเทพฯ: เฟื่องฟ้า พริ้นติ้ง.
หมอไฟฟ้า. (2545). เย็นแบบประหยัด. ไลฟ์ แอนด์ แฟมิลี่, 6(72), 30-31.
อุดร วงศ์สวัสด์ิ. (2545). การประหยัดพลังงานไฟฟ้าในเครื่องปรับอากาศ. วารสารโลกพลังงาน, 5

(14),
33-43.
David, N., & Chava, N. (1976). Research methods in

the social sciences. Martin’s Press.
Green Living Search. (2005). Energy-Saving Air

Coditioning Tips. Retrieve April 12, 2005, From
http://www.ecomall.com/greenshopping/aircondit.htm
George, A. F. (1976). Statistical Analysis in

psychology & Education. McGraw-Hill.
Jeffrey Orloff. (2005). California Urges Energy

Savings to Prevent Crisis. Retrieved April 15, 2005,
from http://saveenergy.about.com/
Lawrence, S. M. & Neal, E. G. (1974). Behavioral

Research. W.H. Freeman & Company.
Michael Bluejay. (2005). Saving Electricity : How do

I measure the amount of electricity something
uses?. Retrieved April 15, 2005, from

http://michaelbluejay. hcom/electricity/measure.html
U.S. Department of Energy. (2005). Thermostats and

Control Systems. Retrieved September 15, 2005,
from http://www.eere.energy.gov/consumer/your

home/space_heating_ cooling/ index.cfm/
mytopic=12720+

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น